อนาคตของพรรคพลังประชารัฐ อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าต้องขึ้นอยู่กับว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม จะเอาอย่างไรด้วย อย่าลืมว่าผลการเลือกตั้งคราวก่อนเมื่อ 24 มี.ค.2562 ที่พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงทั่วประเทศถล่มทลายถึง 8,452,634 คะแนน กวาดส.ส.ไป 116 คน ส.ส.เขต 97 คน บัญชีรายชื่อ 19 คน ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนใหญ่เหตุผลสำคัญก็เพราะคนไทยเทใจอยากให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯรักพล.อ.ประยุทธ์เป็นต้นทุน คะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐเริ่มพุ่งพรวดขึ้นมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งทั้งๆที่เพิ่งตั้งพรรคได้ไม่นาน มาเที่ยวนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ยอมแบไต๋ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนับวันแรกของการทำหน้าที่นายกฯเริ่มต้นตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเริ่มประกาศใช้คือ 6 เม.ย. 2560 เพราะฉะนั้นบิ๊กตู่เหลือเวลาเป็นนายกฯได้อีก 2 ปีเศษ ก่อนจะครบกำหนด 8 ปีตามรัฐธรรมนูญ ประเด็นนี้จึงทำให้พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตัดสินใจและเปิดเผยกับสาธารณะชนว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตในอนาคต จะเล่นการเมืองต่อหรือพอแค่นี้แล้วกลับบ้าน
กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตัดสินใจทางการเมือง พลอยทำให้บรรดาส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐหลายคนอึดอัดใจ เพราะเดาอนาคตของพรรคไม่ถูกเหมือนกันว่าจะไปในทิศทางไหน ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้จะมีส.ส.หลายคนของพรรคเรียกร้องให้พี่น้อง “ 2 ป.” บูรพาพยัคฆ์ที่เป็นผู้นำรัฐบาลกับผู้นำพรรคแกนนำรัฐบาลอันดับ 1 คือ บิ๊กตู่กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคุยกันเสียทีว่าจะเอาอย่างไร เพราะปล่อยไว้นานไปมีแต่จะทำให้เกิดสุญญากาศในพรรค จะเดินหน้าก็ไม่ได้จะถอยหลังก็ลำบาก อย่างที่รู้ว่าพรรคพลังประชารัฐคะแนนตกต่ำถอยหลังลงไปมาก โดยเฉพาะหลังเกิดปัญหาคาราคาซังกรณี “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีตเลขาธิการพรรค ที่เล่นการเมืองใฝ่สูงเกินตัวถึงขั้นคิดล้มนายกฯ จนถูกขับออกจากการเป็นรัฐมนตรี แต่ก็ยังไม่หยุดยังตั้งแง่ก่อกวนรัฐบาลเลื่อยขาพล.อ.ประยุทธ์ จนที่สุดก็แพ้ภัยตัวเอง หลังถูกอัปเปหิพร้อมพวกรวม 21 คนออกจากพรรคพลังประชารัฐ เหตุการณ์ทั้งหลายทั้งมวลในตอนนั้นส่งผลทำให้พรรคพลังประชารัฐถูกมองว่าขาดเอกภาพไร้ความสามัคคี เป็นพรรคเฉพาะกิจรวมตัวกันเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ส่งผลทำให้ความนิยมตกต่ำในสายตาประชาชน ถึงขนาดถูกพรรคใบเขียวสายสีน้ำเงินของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศเป็นขั้วการเมืองใหม่เป็นผู้นำขั้วตรงข้ามฝ่ายทักษิณไปแล้ว
อย่างไรก็ตามล่าสุด รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช หนึ่งในกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ออกมาโต้เรื่องพรรคเสื่อมทรุด โดยยืนกรานพรรคพลังประชารัฐเก็บตัวซุ่มเงียบ มีคนแห่สมัครขอลงส.ส.จนล้น ส่วนกระแสที่มองว่าพรรคตกต่ำเป็นเพราะการวิจารณ์กันไปเอง จริงอยู่อาจมีคนเบื่อบ้างเพราะอยู่นาน แต่คนที่ชอบก็มีมหาศาล เพราะชื่นชอบนโยบายสวัสดิการ โครงการประชารัฐต่างๆ โดยเฉพาะคนใต้ยังเชื่อมั่นศรัทธาในตัวพล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ เพราะคนใต้รักสถาบันเหมือนพล.อ.ประยุทธ์ที่เด่นชัดในเรื่องนี้ นายกฯจึงยังเป็นที่นิยมศรัทธาของชาวใต้ ทั้งนี้มั่นใจว่าเป้าหมายเลือกตั้งคราวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะได้ส.ส.ภาคใต้มากกว่าเดิมคือประมาณ 20 คน (13 คน) และทั่วประเทศจะได้ส.ส. 150 คน ( 116 คน )
แต่ที่รงค์พูดแล้วทำให้เป็นประเด็นคือการชูม็อตโต้ออกแคมเปญในการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคพลังประชารัฐด้วยวลีที่ว่า “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม” ที่พรรคยืนกรานสามารถบริหารประเทศ 4 ปี ด้วยรูปแบบนายกฯ 2 คนได้ โดย 2 ปีแรกจะมีพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หลังจากนั้นเมื่อบิ๊กตู่อยู่ครบวาระ 8 ปี เวลาที่เหลือก็จะให้ลุงป้อมขึ้นมาบริหารประเทศแทน “ เรากำลังพัฒนาพรรคให้เป็นพรรคต่อเนื่อง ไม่ใช่ผูกติดกับ พล.อ.ประยุทธ์อย่างเดียว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้แค่ 2 ปี 2 ปีหลังเราก็ต้องมีตัวแทนขึ้นมาให้พรรคมีความต่อเนื่อง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้ 2 ปี เราก็ต้องมีกลไกที่จะอธิบายได้ หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม ก็ได้ ไม่ได้เป็นปัญหาในการรับช่วงทางการเมืองภายใต้การเลือกตั้งของประชาชน ทั้งนี้ เพื่ออธิบายให้ประชาชนเห็นว่าเราพร้อมบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตย 2 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นปัญหา” รงค์แจกแจง
แต่งานนี้ดูเหมือนข้อเสนอของรงค์ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร เพราะแกนนำหลายคนไม่ได้รับลูกในเรื่องนี้ โดย “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเรื่องนี้ในเชิงแบ่งรับแบ่งสู้ว่า แกนนำพรรคยังไม่ได้มีการคุยกัน เรื่องแบบนี้ต้องมีการคุยกันก่อน “ผมยังไม่รู้ว่าใครพูดเลย เพราะยังไม่เคยได้ยิน ส่วนจะเป็นสมาชิกพรรคที่เสนอความเห็นออกมาหรือไม่นั้นผมไม่ทราบ เพราะพรรคการเมืองและนักการเมืองมีหลายคนสามารถที่จะแสดงความเห็นได้ ทุกคนก็แสดงความคิดเห็นไปต่างๆนานา ก็แล้วแต่ เป็นความคิดที่แตกต่างหลากหลาย แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรคและผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะพูดคุยกัน ซึ่งผมคิดว่ายังไม่ได้ข้อสรุป แล้วยังไม่เห็นเรื่องนี้เลย” ชัยวุฒิระบุ
ฝ่าย “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐให้ความเห็นในทำนองแค่ความคิส่วนตัวของส.ส.เพียงคนเดียว “ ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นการพูดกันเองหรือไม่ ยืนยันว่าพรรคยังไม่มีการพูดเรื่องนี้” เสี่ยเฮ้งยัน ชัดเจนว่าท่าทีของบ้านใหม่ชลบุรีอย่างเสี่ยเฮ้งอ่านเกมส์เจ้านายอย่างบิ๊กตู่ขาดสุดๆ เพราะเป็นรมต.สายตึกไทยคู่ฟ้า ขุนพลคู่กายของบิ๊กตู่ ที่ประกาศตัวชัดเจนนายกฯไปที่ไหนเสี่ยเฮ้งอยู่ที่นั้น หลังหูตาสว่างจาการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวก่อนที่ถูกก๊วนธรรมนัสกับส.ส.สายปากน้ำเล่นงานจนอ่วมอรทัยระหว่างศึกซักฟอกล่าสุด ชนิดลุงป้อมไม่คิดปกป้องห้ามปรามแถมให้ท้ายฝ่ายตรงข้ามออีก แค่นี้สุชาติก็รู้ว่าควรอยู่กับ “ใคร” และยอม “ตาย” เพื่อใคร ไม่แปลกที่ช่วงหลังจะเห็นเสี่ยเฮ้งเฟดตัวเองออกจากลุงป้อมมาตามบิ๊กตู่แบบชัดเจน ชนิดเปิดหน้าให้รู้กันไปเลยว่าอยู่มุ้ไหนสนับสนุนใคร
รงค์ออกมาเสนอไอเดียเรื่องนี้ด้านหนึ่งต้องการเอาใจลุงป้อมเพราะเป็นก๊วนสายตรงมูลนิธิป่ารอยต่อฯอยู่แล้ว อีกด้านส.ส.สายใต้ 12 คนก็อยากมีเอี่ยวปรับครม.รอบใหม่ด้วย เพราะรอโควตานี้มาตลอด แต่การออกมาพูดแบบนี้ดูจะไม่ถูกจังหวะเวลาและกาลเทศะ และอาจไม่ถูกใจบิ๊กตู่เพราะตอนนี้เพ่งสมาธิและโฟกัสทุกอย่างพุ่งตรงไปที่การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนไทยก่อน โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ที่ตอนนี้ยังมีอีกหลายจังหวัดหลายพื้นที่ๆถูกน้ำท่วมนานหลายเดือน จะเห็นได้ว่าล่าสุดบิ๊กตู่ไม่ตอบคำถามประเด็นการเมืองเรื่อง ขนาดพรรคประชาธิปัตย์พยายามเที่ยวไล้เที่ยวขื่อให้มีการปรับครม. นายกฯยังออกตัวให้รอก่อนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ จู่ๆจะมาแสดงความเห็นเรื่องอนาคตการเมืองของตัวเองในช่วงที่คนไทยบ้านยังจมน้ำอยู่ค่อนประเทศดูไม่น่าจะใช้สไตล์และบุคลิกของนายกฯ
ล่าสุดวันนี้ 24 ต.ค.ก็นำคณะลงพื้นที่จ.สิงห์บุรี มีช่วงเวลาให้นักข่าวแหย่ไมค์ถามเรื่องการเมืองประเด็นสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐหรือยัง บิ๊กตู่ยังตอบกลับมาเป็นเรื่องน้ำท่วม ชัดเจนว่าตอนนี้สมาธิและหัวใจของพล.อ.ประยุทธ์คงโฟกัสแต่เรื่องช่วยเหลือชาวบ้านเรื่องการเมืองไม่อยากจะเอามายุ่งให้รกสมองเพราะยังมีเวลายังรอได้อยู่ ช่วงนี้ก็เล่นสงครามประสาทวัดใจลุงป้อมลองใจส.ส.พรรคพลังประชารัฐในพรรคดูใครจะอยู่จะสู้ตายไปด้วยกันในการเลือกตั้งคราวหน้า พวกอยากย้ายพรรคก็คงหวาดหวั่น แต่พวกเทใจให้กันรักบิ๊กตู่ก็คงมั่นใจไม่มีปัญหา การเมืองยังมีเวลาให้คิด ยังพลิกอีกหลายตลบ บิ๊กตู่เป็นนายกฯ มา 8 ปี จะเดินจะวางเกมแบบไหนคงคิดหน้าคิดหลังถ้วนถี่ คงไม่มีทางปล่อยเวลาให้สูญปล่าวไปอย่างไร้ค่าแน่นอน จับตาหลังประชุมเอเปค 14-19 พ.ย. การเมืองหลังจากนั้นคงเห็นหน้าเห็นหลังชัดเจนว่าบูรพาพยัคฆ์อย่างพล.อ.ประยุทธ์จะก้าวเดินอย่างไรต่อไป
////////////////