วันนี้ (2 พฤศจิกายน 2565) ที่ ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดโอกาสให้นางสาวเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศเครือรัฐออสเตรเลีย เข้าเยี่ยมคารวะ ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกฯ หารือ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กระชับความร่วมมือด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน และความร่วมมือในภูมิภาค และพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียในการประชุมเอเปค 2022
ข่าวที่น่าสนใจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับในนามของรัฐบาล เชื่อมั่นว่าการเยือนไทยครั้งนี้ของรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียจะช่วยเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-ออสเตรเลีย ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยและออสเตรเลียมีพลวัตสูง และมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นในทุกมิติ ทั้งในกรอบทวิภาคี อาเซียน อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และกรอบพหุภาคี โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความพร้อมในการต้อนรับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสหารือการขับเคลื่อนเอเปคร่วมกันท่ามกลางความท้าทายของสถานการณ์โลกในปัจจุบัน
รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้พบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ โดยการเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ นับเป็นการเยือนไทยครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้หารือกับหน่วยงานของไทยเพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างกัน ไทยและออสเตรเลียเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด และปีนี้จะครบรอบ 70 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ออสเตรเลียพร้อมร่วมมือกับไทยเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันทุกมิติ เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของทั้งสองประเทศ รวมถึงเพื่อสันติสุข และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค
ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีต่อการยกระดับความสัมพันธ์สู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เมื่อ 2 ปีก่อน รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียชื่นชมวิสัยทัศน์ และสนับสนุนนโยบายโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล และยินดีขับเคลื่อนความร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะได้ร่วมมือกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ในสาขาการเกษตร เศรษฐกิจดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ และสาธารณสุข รวมทั้งยินดีที่สถานการณ์ของโรคโควิด-19 คลี่คลาย เมื่อทั้งสองประเทศเปิดประเทศเต็มรูปแบบจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและเพิ่มพูนการท่องเที่ยวระหว่างกัน
ในส่วนของ ความร่วมมือการปราบปรามการค้ามนุษย์ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องถึงความสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ จึงมุ่งมั่นที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับออสเตรเลียเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียยินดีร่วมมือกับไทย โดยยินดีที่จะร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วย การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียในวันนี้ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ฯ จะช่วยยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง และส่งเสริมความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายผ่านการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ไทยกับออสเตรเลียต่างยินดีที่แนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น และทั้งสองฝ่ายมีการลงทุนขนาดใหญ่ระหว่างกัน พร้อมมองว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพและโอกาสในการเพิ่มพูนมูลค้าทางการค้าระหว่างกันได้มากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนออสเตรเลียพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติม และเป็นหุ้นส่วนด้านการวิจัยและการพัฒนาในพื้นที่ EEC
ความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรียินดีที่อาเซียนและออสเตรเลียได้ยกระดับสถานะความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านเมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมกล่าวชื่นชมข้อริเริ่ม “ออสเตรเลียเพื่ออนาคตของอาเซียน” (Australia for ASEAN Future) ซึ่งครอบคลุมการมอบทุนการศึกษาให้เยาวชนในภูมิภาค รวมถึงเยาวชนไทยด้วย เชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของโควิด-19 อาทิ ด้านสาธารณสุข การค้าการลงทุน และด้านการศึกษา ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวว่า ไทยและอาเซียนมีความสำคัญต่อออสเตรเลีย โดยมุ่งหวังขยายความร่วมมือกับอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังชื่นชมบทบาทนำของไทยในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง พร้อมร่วมมือกับไทยส่งเสริมการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความพร้อมต้อนรับผู้นำของออสเตรเลียในการประชุมเอเปค ซึ่งไทยมุ่งสร้างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในบริบทโลกหลังโควิด-19 ที่เปิดกว้าง เชื่อมโยง ยั่งยืน สมดุล ทุกภาคส่วนมีส่วนรวม โดยมีแนวคิด BCG Economy เป็นแนวคิดพื้นฐาน ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพของไทย และชื่นชมนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของออสเตรเลียที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พร้อมหวังว่าไทยจะประสบความสำเร็จในการจัดประชุม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-