‘พิธา-สุพัฒน์พงษ์’ แลกหมัดมติ ครม. ขายชาติ

พิธา-สุพัฒน์พงษ์’ แลกหมัดมติ ครม. ขายชาติ เหน็บกลับอย่าใจแคบมองประเทศในเชิงลบ

วันที่ 3 พ.ย. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามสด โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณี ครม. มีมติออกร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนเพื่อการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย โดยตั้งเป้า 1 ล้านคน แต่ปัจจุบันประชาชนไทยจำนวนมากยังไม่มีที่ดินทำกิน แต่กลับอนุญาตให้ต่างชาติมาใช้ที่ดินทำกินในไทย ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางที่ดิน ขณะเดียวกันเป้าหมายที่แท้จริงของกฎกระทรวงนี้ยังไม่ชัดเจนว่าคืออะไร ที่เหมือนเดิมกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คือ ลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ถือครองที่ดินไม่เกิน1ไร่ แต่ประเด็นที่แตกต่างทั้งการลดเวลาการลงทุนจาก5ปีเป็น3ปี กำหนดผู้ลงทุนศักยภาพสูง4ประเภท เป็นต้น ยังทำให้เกิดความสับสนในเรื่องจำนวน ปริมาณ การกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวเลขในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้เข้ามาฟอกเงิน หรือเก็งกำไรที่อยู่อาศัยในประเทศไทย มาตรการควบคุมต่างชาติซื้อที่ดินแล้วปล่อยเช่าให้คนไทย จะทำอย่างไร สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น อังกฤษเปิดให้คนต่างชาติมาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ราคาบ้านในอังกฤษ สูงขึ้นทันที 19% และข้อมูลปี 2562 พบผู้มีรายได้น้อย 28% ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง หรือคน 1 ใน 3 ของประเทศ ยังไม่มีที่อยู่ แต่กลับไปขายที่ดินให้ต่างชาติ โดยเฉพาะการให้คนชาติพันธุ์ที่อยู่เมืองไทยมานานครอบครองที่ดิน มีเงื่อนไขเยอะแยะ แต่การให้ต่างชาติครอบครองที่ดิน มีเงื่อนไขไม่ถึง 5 บรรทัด มาตรการจูงใจให้คนต่างชาติมาซื้อที่ดินเมืองไทยด้วยวิธีนี้โบราณมาก ไม่เรียงลำดับความสำคัญการกระจายที่ดิน เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจฐานราก

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตอบชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้ในเป้าหมายระยะยาว หรือ Long Term Relationship เชื่อว่า ส.ส. ในสภาฯ อยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมใหม่เพื่อคนรุ่นใหม่ รัฐบาลจึงได้ดำเนินการพัฒนา ส่งเสริม ดึงดูดอุตสาหกรรมต่างๆให้สอดคล้องแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก็มีความคืบหน้า แต่สิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมใหม่เราต้องการชาวต่างชาติที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามามีส่วนร่วม ส่งเสริม พัฒนาประเทศไทยในระยะยาวเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ จึงออกมาเป็นกลุ่มบุคคล4ประเภท ที่เพิ่มเติมคือนอกจากมาลงทุนแล้ว ก็มาอยู่อาศัยตามกระบวนการคัดกลั่นกรองของเรา ยืนยันว่าทุกเงื่อนไขเมื่อเข้ามาแล้วต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวต่อว่า ถ้าเราตั้งเป้าต่างชาติที่จะมาอยู่ในประเทศไทยระยะยาวใน1ล้านคน ถ้าเขาใช้เงินคนประมาณเดือนละ1แสนบาท มันประมาณครึ่งหนึ่งของ 40 ล้านคน ที่จะสร้างรายได้ในประเทศ ส่วนที่เรื่องที่ดินเป็นส่วนเสริม เราจะมาบอก8คนจะมาอยู่อาศัย ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามาแล้วมีที่ดิน ตรงนี้เป็นทางเลือกให้ผู้ที่รักที่จะอยู่ในไทยจริงๆ มันไม่ได้จำกัดแค่เพียงเขาเข้ามาแล้วต้องมาซื้อที่ดิน เพราะยังมีการเช่าซื้อคอนโดทั้งระยะยาว 30 ปี จะซื้อคอนโดก็มีสิทธิ์อยู่แล้ว 49 % แต่เราเพิ่มเติมไปเพียงนิดหน่อย ไม่ได้เพิ่มอะไรมาก การลดเวลาลงทุนจาก 5 ปีเหลือ 3 ปี ไม่ได้ต่างกันมาก ผู้ลงทุนเขาก็ต้องอยู่ดูระยะเวลามาก่อนแล้ว และใส่เม็ดเงินมาลงทุนบ้างแล้ว ขณะที่การเพิ่มประเภทลงทุนก็เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ที่อยู่อาศัยต้องเฉพาะอาศัยเท่านั้นทำอย่างอื่นไม่ได้ รวมถึงข้อจริยธรรมต่างๆที่กำหนดไว้อีกยาว หากไม่ปฏิบัติตาม หรือขาดคุณสมบัติใดๆก็สามารถยกเลิกเพิกถอนสิทธิได้ทันที

รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า เราคาดเดาเป้าหมายระยะยาวไม่ได้ว่าผู้ที่มาอยู่อาศัยในไทยจะเป็นแบบใด เราต้องการให้เขามาอยู่ในไทยระยะยาวมากขึ้น มีความสะดวกขึ้น ใช้เวลา1ปีไปรายงานตัว ให้วีซ่า 5 ปี ต่อได้อีก 5 ปี เป็นต้น ขอให้ยึดหลักเป้าหมายระยะยาวก่อน แค่หลักตรงนี้เราได้1ล้านคน คนเหล่านี้ก็จะมาใช้จ่ายในประเทศคร่าวๆ 1 แสนบาทต่อเดือน หรือประมาณ 1 ล้านบาทต่อเดือน เราจะมีรายได้หมุนเวียนในประเทศ 1 ล้านล้านบาท ส่วนเขาจะอยู่รูปแบบใด ต้องเป็นไปตามกติกาที่กำหนด ยืนยันว่ากติกาไทยตึงมากในเรื่องของการสงวน การครอบครองที่ดิน เมื่อเทียบกับอังกฤษ ขณะที่ข้อกังวลการฟอกเงิน เรามีคัดคุณสมบัติ มีการติดตามพฤติกรรมให้เป็นไปตามกติกาที่กำหนด ถ้าขัดเมื่อไหร่ก็ตกทันทียังไงก็ผิด ยืนยันว่าในประเทศอื่นมีความเสรีกว่าไทยมาก สามารถเทียบได้บรรทัดต่อบรรทัดเลย เป็นเหตุผลว่าทำไมกติกาเรายังเข้มกว่าที่อื่น

“การบอกว่าเป็นวิธีโบราณ ขอให้กลับไปศึกษาว่า ทุกวันนี้นักลงทุนมองประเทศไทยน่าอยู่เป็นฐานลงทุนใหม่ อย่ามองไทยในเชิงลบมากจนเกินไป ทุกประเทศล้วนมีปัญหา ไม่น่าเชื่อยังมีคนยกข้อครหาแบบนี้มาพูด ให้ไปดูอีกหลายประเทศมีมาตรการจัดการผ่อนปรนที่ดินมากกว่าประเทศไทย”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตร.เพชรบูรณ์ พบศพแรงงานชาวเมียนมา ถูกมีดเชือดคอ ถลกหนังหน้า หูหาย 1 ข้าง เร่งสอบล่าตัวมือฆ่า
เจอตัวแล้ว ผู้ต้องสงสัยโพสต์ขู่กราดยิงห้างขอนแก่น คุมสอบปากคำเข้ม เจ้าตัวยังปฏิเสธข้อกล่าวหา
สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วัดหนองบอนนับ 100 ราย ยื่นหนังสือร้องผู้ว่าฯตราด
พุทธศาสนิกชนชาวอยุธยา สืบสานประเพณีตักบาตรเทโว วัดใหญ่ชัยมงคล
การรถไฟฯ ชวนร่วมเดินทางขบวนรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ เที่ยวชมกรุงเก่า “อยุธยา” เนื่องในวันปิยมหาราช เริ่มจำหน่ายตั๋วพร้อมกันทั่วประเทศ 19 ต.ค. 67 นี้
ประมงสงขลา ประมงจันทบุรี และประมงเพชรบุรี พบปลาหมอคางดำแหล่งน้ำธรรมชาติหนาแน่นลดลง เดินหน้าเฝ้าระวังและกำจัดต่อเนื่อง เน้นขอความร่วมมือช่วยจัดการในบ่อร้าง
"บิ๊กเต่า" เผยเช็กมือถือ "บอสพอล" พบคลิปรีดไถ "นักร้อง-นักการเมือง" เพียบ จ่อเรียกสอบปากคำ
“ภูมิ​ธรรม​-​อนุทิน”​ ประสานเสียง ไม่หวั่น​กกต. รับคำร้อง​ยุบเพื่อไทย​ปม​ 6 พรรคร่วม ให้“ทักษิณ”ครอบงำ
เปิดตัวสุดปัง! Chester’s Flagship Store @Siam ชูคอนเซ็ปต์ 'Good Food Good Mood' เพิ่มสีสันให้แลนด์มาร์กคนรุ่นใหม่
รอลุ้น “ธีรภัทร” เผยพร้อมย้ายช้าง “พลายดอกแก้ว” พรุ่งนี้ หลังผลตรวจเลือดออก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น