ราชกิจจาฯ ประกาศขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร

ราชกิจจาฯ ประกาศขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร(คราวที่ ๑๓) 

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ ๑๒ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้นในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019อย่างต่อเนื่องและจริงจัง โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกภาคส่วน ทั้งการค้นหาและการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ การเร่งเสริมสร้างศักยภาพการให้บริการด้านสาธารณสุขเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโดยการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม การจัดระบบการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อที่แยกกักตัวที่บ้านและแยกกักตัวในชุมชน การเร่งจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อผู้ป่วย เร่งรัดจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้ได้จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และกำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติเพื่อให้สามารถฉีดวัคซีนได้กว้างขวางมากที่สุดเพื่อป้องกันโรคและลดอาการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต รวมถึงเร่งรัดผลิตยารักษาโรคขึ้นภายในประเทศ และจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทางของบุคคล เพื่อสกัดกั้นการระบาดให้อยู่ในวงจำกัด และอยู่ในระดับที่ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้

อย่างไรก็ตาม โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้กลายพันธุ์และสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ส่งผลให้จำนวน ผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภูมิภาคหลายจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในลักษณะการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ กรณีจึงจำเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งมาตรการที่เข้มข้นในการเฝ้าระวังและสอบสวนโรค รวมทั้งการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเพื่อความมั่นคงปลอดภัยด้านสุขภาพและชีวิตของประชาชน และสาธารณสุขของประเทศ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคมพ.ศ. ๒๕๖๔ จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔

ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เตรียม สู่ ขอ น้องหมูมะนาว จากโคราช ให้ น้องหมูตุ๋น หวังพัฒนาสายพันธุ์ ฮิปโปแคระ
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 เผยสถติสุดสยอง พบคนกิน "หมูดิบ" เสียชีวิตแล้วนับสิบราย
"อนุทิน" ย้ำน้ำท่วมภาคใต้ ผู้ว่าฯยังรับมือได้ สถานการณ์ต่างจากภาคเหนือ
“ทนายเดชา” พูดแล้ว ใช่-ไม่ใช่ หลัง “ทนายบอสมิน” ปูดข่าวมีคนโดนหมายจับ
“โจทก์เมียบิ๊กโจ๊ก” โวยลั่นโรงพัก! ถูกออกหมายจับ-โดนสะกดรอยตาม
สั่นสะเทือนแน่ ทีมสจ.กว่า 20 เสียง หนุน "ถาวร" ลงชิงนายกอบจ.สงขลา
“คารม” เผย ธอส. สนับสนุนผู้สูงวัย มีบ้านก่อนสิ้นปี อัดโปรชุดใหญ่ จัดสินเชื่อ 4 โครงการ
“ภูมิธรรม” เยี่ยมชมนิทรรศการวิจัยยุทโธปกรณ์ ด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ตลาดโลก 3 แผนงาน
เปิด '10 รหัสผ่าน' ยอดแย่! เสี่ยงมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูล
"นิพิฏฐ์" ยกประสบการณ์แนะนำ "สามารถ" ไม่เชื่อ สุดท้ายเกม ถูกตำรวจรวบตัว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น