“ชูวิทย์” เดินหน้าแฉต่อทุนจีนสีเทา ฮุบประโยชน์ชาติเหมือนเพลี้ย สูบเงินเข้ากระเป๋า

"ชูวิทย์" เดินหน้าแฉต่อ กลุ่มทุนจีนสีเทา ทำธุรกิจฮุบผลประโยชน์ของชาติเหมือนเพลี้ย พร้อมตั้งคำถาม รัฐบาลให้ประมูลโครงการรัฐ 1,500 ล้าน ได้อย่างไร สร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างมาก

วันที่ 8 พ.ย. 65 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ออกมาแฉกลุ่มธุรกิจสีเทาของชาวจีน ซึ่งกำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกวาดล้างอยู่ในขณะนี้ ว่า วันนี้มีประเด็นทั้งไร้สาระและมีสาระ โดยเริ่มจากเรื่องไร้สาระก่อน คือ กรณีที่ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล บอกว่า รู้จักกับ 5 เสือมาเฟียที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาดีนั้น นายสันธนะ สูญเสียผลประโยชน์ ทำให้ต้องออกมาตีโพยตีพาย กล่าวหาว่า ตนเองทำธุรกิจผิดกฎหมาย โดยอ้างจากคลิปวิดีโอของผู้มาใช้บริการในสถานบันเทิงที่โรงแรมตนเอง แต่เมื่อตำรวจมาตรวจสอบกลับไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย อีกทั้งหากตนเองทำผิดจริงกฎหมายจริง หน่วยงานรัฐจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่หน้าที่ของ นายสันธนะ แต่อย่างใด

 

 

ส่วนประวัติของ นายสันธนะ นั้น ต้องโทรศัพท์ถามจากตำรวจด้วยกันเองก็จะรู้จักดี ซึ่งขณะตนเองเริ่มทำธุรกิจอาบอบนวดแรกๆ นายสันธนะ ยังเป็นตำรวจเด็กเมื่อวานซืน เข้ามาตีสนิท ก่อนจะไปถูกยิงที่ จ.นครสวรรค์ แต่รอดมาได้

ขณะเดียวกัน เรื่องมีสาระ คือ ประเด็นกลุ่มชาวจีนที่ทำธุรกิจสีเทา 5 กลุ่ม ซึ่ง นายสันธนะ อ้างว่ารู้จักนั้น กระจายการลงทุนอยู่ในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม กัมพูชา ลาว และไทย เพื่อฟอกเงิน เนื่องจากรัฐบาลจีน ปราบปรามการทุจริตอย่างหนัก โดยในเวียดนาม และกัมพูชา เช่น สีหนุวีล ต่างมีราคาที่ดินสูงขึ้นมหาศาล เฉพาะบ่อนพนันออนไลน์ เดือนเดียวได้กำไร 2,000 ล้านบาท

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อีกกลุ่มเป็นชาวจีนใส่สูทปล้น เป็นกลุ่มบริษัทและโรงงานจีนในไทย โดยตนเองเรียกว่า กลุ่มบริษัทศูนย์เหรียญ เหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญ และผับศูนย์เหรียญ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามก่อนหน้านี้ กลุ่มนี้เป็นเหมือนเพลี้ยที่เข้าไปสูบทรัพยากรจนแห้ง เมื่อไร้ผลประโยชน์ก็บินไปที่อื่น ซึ่งบริษัทเหล่านี้มี 2 กลุ่ม คือ บริษัทไทย กฎหมายกำหนดให้มีสัดส่วนคนไทยถือหุ้น 51 % และบริษัทต่างชาติ ให้ถือหุ้นในสัดส่วน 49 % ซึ่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ประกอบกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ระบุว่า บริษัทต่างด้าวห้ามประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความสามารถพร้อมจะแข่งขัน เช่น การสีข้าว การทำประมง การผลิตปูนขาว สถาปัตยกรรม การทำกิจการทางวิศวกรรม เป็นต้น

 

 

แต่มีบริษัทอักษรย่อ H กรุ๊ป (ประเทศไทย) จดทะเบียนเมื่อปี 2543 ทุนเริ่มต้น 20 ล้านบาท และยังมีผู้ถือหุ้นเป็นชาวไทย แต่ปัจจุบันกลับเป็นชาวต่างชาติถือหุ้น 100 % และทุนจดทะเบียนกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทดังกล่าว เพิ่งประมูลงานติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าของรัฐบาล ด้วยงบประมาณ 1,500 ล้านบาท และจะสั่งซื้อสินค้ามาจากจีนโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะไม่รับรู้ไม่ได้ โดยตนเองคาดว่า ใน 2-3 สัปดาห์นี้ อาจมีหมายจับรายใหญ่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พ่อเลี้ยงหื่น! มอมเหล้าลูกเลี้ยง วัย 16 ปี จนขาดสติก่อน ลวนลาม ขณะแม่อยู่ด้วยก็ไม่เว้น เครียดหนักเคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย สุดอึ้ง!! เอาเรื่องไปบอกแม่ กลับไม่เชื่อ
พล.ต.ท.ธนายุตม์ ยื่นสำนวนคดี “แอม ไซยาไนด์” ให้อัยการด้วยตัวเอง 14 รายการ
ราชกิจจาฯเผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ ให้ชื่อใหม่ "เจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี"
“แม่สามารถ” เครียดจัด ผูกคอคาห้องขังดีเอสไอ จนท.ช่วยระทึก ห่วงลูกจะอดข้าวประท้วง ขอความเป็นธรรม
เคราะห์ร้าย ! หนุ่มวัย 18 ปี ขี่จยย. ถูกกันสาดหล่นใส่หัวเจ็บสาหัส
ยูเครนลั่นไม่ทำลายทุ่นระเบิดอ้างถูกรัสเซียรุกราน
ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบดำเนินคดี “กลุ่มน้ำไม่อาบ” ทุกมิติ พร้อมเอาผิดตามหลักฐานคลิปที่ปรากฏ
ขุนเขา ‘ฮว่าซาน’ ่ของจีนสวยสะกดยามห่มหิมะขาว
ทหารพรานจัดกำลังตรวจค้นเก็บกู้บ่วงดักสัตว์ป่า
ผลักดัน ! แรงงานต่างด้าวมากกว่า 100 ราย ออกนอกประเทศ หวั่นเกรงมาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น