“ชูวิทย์” เปิดหน้าแลก ถอดรหัส “ทุนจีนใส่สูท” สอดไส้ถือหุ้น 100% ประมูลงานรัฐ

ชูวิทย์ เปิดหน้าแลก ชำแหละกลุ่มทุนจีนใส่สูท เปิดบริษัทสอดใส้ถือหุ้น 100 % ร่วมประมูลงานรัฐมูลค่า 1,500 ล้านบาท

หลังจากที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ออกมาแถลงกรณีกลุ่มธุรกิจสีเทาของชาวจีน โดยช่วงหนึ่งนายชูวิทย์ได้กล่าวถึงกลุ่มทุนจีนสีเทา 5 กลุ่มที่เคยออกมาแฉและได้เอาข้อมูลให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. จนนำมาสู่การขยายผลและได้มีการแถลงข่าวไปแล้วนั้น วันนี้สิ่งที่อยากจะนำมาชี้ให้สังคมไทยได้เห็นถึงปัญหาของทุนจีนสีเทาที่อกลุ่มหนึ่งที่ใส่สูท เปิดบริษัท และหากินกับการประมูลงานของรัฐ ทั้งที่กฎหมายการทำธุรกิจของต่างด้าว ห้าม และการเล่นแร่แปรธาตุ ของกลุ่มจีนเหล่านี้ จนที่สุดกลายเป็นฐานของการฟอกเงิน
กลุ่มชาวจีนที่ทำธุรกิจสีเทา กระจายการลงทุนอยู่ในหลายประเทศเช่น เวียดนาม กัมพูชา ลาวและไทย เพื่อฟอกเงิน เนื่องจากรัฐบาลจีน ปราบปรามการทุจริตอย่างหนัก โดยในเวียดนาม และกัมพูชา เช่น สีหนุวีล ต่างมีราคาที่ดินสูงขึ้นมหาศาล เฉพาะบ่อนพนันออนไลน์เดือนเดียวได้กำไร 2,000 ล้านบาท
โดยพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้ เปิดบริษัทไทยตามกฎหมายกำหนดให้มีสัดส่วนคนไทยถือหุ้น 51% และบริษัทต่างชาติ ให้ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ซึ่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ประกอบกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ระบุว่า บริษัทต่างด้าวห้ามประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความสามารถพร้อมจะแข่งขัน เช่น การสีข้าว การทำประมง การผลิตปูนขาว สถาปัตยกรรม การทำกิจการทางวิศวกรรม เป็นต้น
แต่มีบริษัทอักษรย่อ H (ฮ) กรุ๊ป(ประเทศไทย) จดทะเบียนเมื่อปี 2543 ทุนเริ่มต้น 20 ล้านบาท และยังมีผู้ถือหุ้นชาวไทย แต่ปัจจุบันกลับเป็นชาวต่างชาติถือหุ้นร้อยเปอร์เซนต์ และทุนจดทะเบียนกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทนี้ เพิ่งประมูลงานติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าของรัฐ ด้วยงบ 1,500 ล้านบาท และจะสั่งซื้อสินค้ามาจากจีนโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้รัฐจะไม่รับรู้ไม่ได้ คาดว่า ใน 2-3 สัปดาห์นี้ อาจมีหมายจับรายใหญ่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยตามเอกสารที่นายชูวิทย์นำมาเปิดเผย พบว่าบริษัท H (++บริษัท ฮอลลี่ กรุ๊ป อิเลคทริค(ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานใหญ่ แหลมฉบัง ชลบุรี++) ก่อตั้งเมื่อปี 2543 ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในครั้งแรก มีผู้ถือหุ้นเป็นคนไทย 6 คน ต่างด้าว 3 คน สัดส่วนการถือหุ้นคนไทย 51% คือ 79,498 หุ้น ต่างด้าว 49% คือ 70,502 หุ้น รวม 150,000 หุ้น รายชื่อผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย 1.บริษัท H สัญชาติจีน จำนวน 70,500 หุ้น 2.บริษัท ชื่ออักษรย่อ T สัญชาติไทย จำนวน 79,493 หุ้น ที่เหลือกรรมการเป็นรายชื่อคนไทยถือหุ้นอีก 5 คน คนจีน 2 คน แต่จำนวนหุ้นที่ถือมีเพียงคนละ 1 หุ้น โดยแจ้งลงทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 เดือนสิงหาคม 2543

จากนั้นในปี 2544 สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท H ได้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น โดยรายชื่อผู้ถือหุ้นมีทั้งหมด 7 คน แต่ทั้ง 7 คน เป็นสัญชาติจีนทั้งหมด จากเดิมรายชื่อเมื่อปี 2543 มีคนไทยถือหุ้นอยู่ด้วย สำหรับรายชื่อผู้ทั้งหุ้นสัญชาติจีนทั้ง 7 คน ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดได้แก่ 1.บริษัท H สัญชาติจีน จำนวน 76,500 หุ้น ที่เหลือกรรมการเป็นบุคคลสัญชาติจีน ถือหุ้นตั้งแต่คนละ 1,500 หุ้น ถึง 45,000 หุ้น ที่สำคัญพบว่าวันที่แจ้งลงทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นคือวันที่ 28 เดือนกันยายน 2543 หรือเพียง 1 เดือนเศษ หลังจากแจ้งผู้ถือหุ้นในครั้งแรก

ต่อมาในปี 2545 สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บริษัท H ได้แจ้งรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมด 7 คน ซึ่งข้อมูลเป็นไปตามรายชื่อผู้ถือหุ้นเมื่อปี 2544

สำหรับพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาตรา 8 (3) บัญญัติว่า ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าว ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสาม เว้นแต่จะได้รบอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ซึ่งบัญชีสาม ข้อ 9 ระบุว่า การทำกิจการบริการทางวิศวกรรม

ซึ่งนายชูวิทย์ ยังได้นำเอกสารของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง(การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ผ่านระบบ อีอ๊อกชั่น ในปี 2560 ซึ่งมีรายชื่อผู้เสนอราคา 4 บริษัท โดยบริษัท H กรุ๊ป ชนะการประมูลด้วยราคาต่ำสุดที่วงเงิน 90 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่เสนอราคาสูงสุด อยู่ที่ 100 ล้านบาท

ถัดมาเป็นปี 2561 มีรายชื่อผู้เสนอราคา 3 ราย และบริษัท H กรุ๊ป ยังคงเสรอราคาต่ำที่สุดและชนะการประมูล โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาของการประมูลทั้ง 2 ครั้ง ระบุตอนหนึ่งว่า พัสดุต้องผลิตจากโรงงานที่ได้รับรองระบบคุณภาพที่ทำในประเทศไทยเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ต้าหลี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางระยะยาว
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) “ดวงอาทิตย์เทียม” ของจีนใกล้ผลิตพลังงานสะอาดไร้ขีดจำกัด
รวบแล้ว คนร้ายทุบหัวแม่ค้าหมูปิ้ง ชิงเงิน 5 พันบาท สารภาพหมดเปลือก
"อุตุฯ" เตือน 39 จังหวัด รับมือฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง กทม.ก็โดนด้วย
อาลัยตลกดัง “อาฉี เสียงหล่อ” เจ้าของวลี “บัดซบจริงๆ เลย” เสียชีวิตแล้ว
"พาณิชย์" แนะผู้ส่งออกลุยตลาดข้าวคุณภาพสูง ตอบโจทย์ตลาดพรีเมียม หนีแข่งขันด้านราคา
"พาณิชย์" แนะไทยลุยตลาดผู้สูงอายุไต้หวัน ชี้เป้าขายอาหาร บริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
"พาณิชย์" ปลื้ม! ร้านอาหาร Thai SELECT สุดฮอต ผู้บริโภคพูดกันหนาหู แถมหาทางไปชิม
"รมว.สุดาวรรณ" ชวนเที่ยวงานใต้ร่มพระบารมี 243 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน
"2 ตายายขายผัก" ตลาดนัดเสาสูง ดวงเฮง ถูกรางวัลที่ 1 รับเละ 12 ล้าน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น