"AWC" เดินหน้าทุ่มเงิน 8,856 ล้านบาท เข้าซื้ออีก 2 โรงแรมดังอย่าง Westin Siray Phuket และ Grand Mercure Bangkok เสริมพอร์ตธุรกิจโรงแรม-บริการ
ข่าวที่น่าสนใจ
นับเป็นข่าวใหญ่ในวงการธุรกิจโรงแรม-บริการอีกครั้ง หลัง “AWC” เดินหน้าผนึกเสริมพอร์ตต่อเนื่อง ล่าสุด ทุ่มเงินกว่า 8,856 ล้านบาท เข้าซื้อ 2 โรงแรมชื่อดัง อย่าง Westin Siray Phuket และ Grand Mercure Bangkok
โดยเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา “AWC” ประกาศ ผลประกอบการ ไตรมาส 3/2565 โชว์กำไรสุทธิ 1,026 ล้านบาท รับการเติบโตแข็งแกร่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย 9 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิ 2,448 ล้านบาทเลยทีเดียว
นางวัลลภา ไตรโสรัสประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 49.4 และกำไรสุทธิจากผลประกอบการโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรม 36 ล้านบาท รวมถึงรายได้รวมตามงบการเงิน 3,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้นเป็น 994 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่ 47 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าร้อยละ 2,029 ซึ่งเป็นผลมาจากพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพและกลยุทธ์การเตรียมพร้อมขององค์กร ที่สอดรับกับมาตรการการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ รวมถึงทรัพย์สินคุณภาพที่มีการเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและรวดเร็ว
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ
บริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
- โรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE)
- โรงแรมในกรุงเทพและรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรี ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพ (High-to-Luxury) ที่เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกผ่านเครือข่ายพันธมิตรโรงแรมระดับโลก ในไตรมาส 3/2565
ภาพรวมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมในเครือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียงร้อยละ 14.2 และราคาห้องพักเฉลี่ย/วัน (Average Daily Rate หรือ ADR) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,920 บาท/คืน ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งอยู่ที่ 4,052 บาทต่อคืน
เป็นผลมาจากจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพจากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทยจะเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 60
สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการในไตรมาส 3/2565 มีรายได้ 1,789 ล้านบาท เติบโตมากกว่าร้อยละ 100 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดย Revenue Generation Index ที่เปรียบเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ
- โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI สูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่ากับ 241.7 สำหรับโรงแรมในกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE)
ส่วนกลุ่มรีสอร์ทระดับ ลักซ์ซูรี ที่ได้รับความนิยมสูง อาทิ
- โรงแรม บันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI สูงที่สุดในกลุ่มเท่ากับ 261.4 เช่นกัน
ซึ่งผลการดำเนินงานที่เติบโตนี้ เป็นผลมาจากการที่บริษัทเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยจำนวนห้องพักของธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 5,199 ห้อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีจำนวนห้องพัก 3,432 ห้อง
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial)
กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง มีอัตราการเติบโตของรายได้ไม่รวมมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกลุ่มผู้เช่าที่เป็นลูกค้าองค์กรธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้เช่าคุณภาพอยู่มากกว่าร้อยละ 60 ด้วยสินทรัพย์อาคารสำนักงานคุณภาพเกรด A ที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพย่านธุรกิจ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยของผู้เช่าในยุคดิจิทัล
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากประชาชนเข้ามาจับจ่ายและใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นจะส่งผ่านเป็นอิบิทดา (Flow Through) มีสัดส่วนมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวอย่างเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ที่มี Flow Through ในไตรมาส 3/2565 เท่ากับร้อยละ 106 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ล่าสุด “AWC” จะเข้าลงทุนและพัฒนา 2 โครงการในกรุงเทพฯ และภูเก็ต รวมมูลค่า 8,856 ล้านบาท เพิ่มพอร์ตสินทรัพย์คุณภาพของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ได้แก่
- โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์
- เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต
ช่วยเสริมศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย
“AWC” ยึดมั่นในพันธกิจสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า ด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบการดำเนินงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3 เสาหลัก 6 มิติ หรือ 3BETTERs ได้แก่
- Better Planet
- Better People
- Better Prosperity
พร้อมได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีชี้วัดด้านความยั่งยืน (Sustainability Index) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ
- การได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- การได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Rating ในระดับ AA
- ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนของ S&P (จากรายงาน The Sustainability Yearbook 2022) ของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ
- ได้รับการจัดอันดับรายงานการกำกับดูแลกิจการ ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) และได้รับการรับรองให้เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง