พลันที่มีข่าวว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมจะขยับออกจากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ เรื่องนี้ได้ก็กลายมาเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองในทันที ใครตามการเมืองมาตลอดก็จะรู้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกว่าเป็นพรรคอะไหล่ทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์มาตลอดตั้งแต่เริ่มเปิดชื่อมาอยู่แล้ว แรกเริ่มเดิมทีพรรครวมไทยสร้างชาติก่อตั้งขึ้นเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 จดทะเบียนก่อตั้งพรรค โดย “แรมโบ้ ” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นแค่พรรคการเมืองอะไหล่ธรรมดาเพื่อเหลือเผื่อขาดทางการเมืองหากบิ๊กตู่เกิดไปไม่รอดกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะตอนนั้นบิ๊กตู่กำลังมีปัญหาขบเหลี่ยมถูกก๊วน “ผู้กอง”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐอยู่ในขณะนั้นเลื้อยขาเก้าอี้อยู่ จึงเป็นที่มาให้ต้องตั้งพรรคสำรองขึ้นมากันเหนียวหากไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐไม่ได้
3 ส.ค.2565 พรรครวมไทยสร้างชาติจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 1/2565 เพื่อจัดทัพเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยปรากฎข่าวว่าบิ๊กตู่เล็งส่ง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯซึ่งลาออกจากพรรคพลังประชารัฐมาเป็นหัวหน้าพรรค และทุกอย่างก็เป็นไปตามคาดพีระพันธุ์ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็เป็นคนใกล้ชิดเสี่ยตุ๋ยทั้งนั้น อาทิ “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ขยับเป็นเลขาธิการพรรค “เสี่ยน้อย” วิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สธ. , ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง , ชื่นชอบ คงอุดม , วิสุทธิ์ ธรรมเพชร , เกชา ศักดิ์สมบูรณ์ เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค ได้เกรียงยศ สุดลาภา เป็นนายทะเบียนพรรค ปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นเหรัญญิกพรรค รวมถึงได้นักการเมืองอาวุโสอย่าง ปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกฯ และ ปรีชา มุสิกุล อดีตรมช.สธ.รับบทเป็นที่ปรึกษาพรรค
การเมืองเปลี่ยนง่ายหมุนเร็วและความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน ทำไปทำมา 3 ป. “ประยุทธ์-อนุพงษ์ -ประวิตร” ที่เคยรักกันดูดดื่มคบกันมา 40-50 ปี ร่วมเป็นร่วมตายหลายสมรภูมิกันมามาก ทั้งสนามรบ สนามการเมือง ใครจะคิดใครจะเชื่อว่าวันดีคืนดีพี่ใหญ่กับน้องเล็กจะหมางเมินเดินคนละทางกันได้ โดยเฉพาะคนที่ว่าคือ พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร ไม่มีใครคิดว่าจะถึงวันพี่น้องสองคนต้องแยกทาง แม้จะขัดแย้งเห็นต่างกันมาหลายเรื่องหลายโอกาส แต่ก็เป็นแค่ลิ้นกับฟันที่พี่น้องย่อมต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ไม่มีใครเชื่อว่าทั้งสองคนจะแตกหักขัดแย้งกันจริงๆ แต่ล่าสุดชั่วโมงนี้ในทางข่าวและกระแสความที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มสูงยิ่งที่บิ๊กตู่อาจจะแยกทางเดินกับลุงป้อมในการเลือกตั้งคราวหน้าสูงลิบ แม้เป้าหมายจะขึ้นฝั่งเหมือนกันแต่จะนั่งเรือคนละลำเพื่อให้ถึงฝั่ง ลุงป้อมยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม แต่รอบหน้าบิ๊กตู่มีแนวโน้มขอนั่งเรือแป๊ะที่ชื่อรวมไทยสร้างชาติแทนเพราะไม่ไหวจะทนกับเรือลำเก่าที่ชื่อพลังประชารัฐ กัปตันเรือก็ “ไม่รู้ ไม่รู้” ลูกเรือก็มีแต่ “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” หาความจริงใจไม่เจอ หนำซ้ำกัปตันเรือจะเอางูเห่าตัวเดิมที่เคยฉกกัดกลับมาเลี้ยงอีก ตัวเรือก็ผุผังทรุดโทรมขาดการบูรณะซ่อมแซม แผนการเดินเรือจะไปไหน ทิศทางเรือจะถึงฝั่งสำเร็จได้อย่างไรก็ไม่มี ตอนนี้ลูกเรือทยอยกระโดดน้ำหนีไปอยู่เรือลำอื่นมากแล้ว บิ๊กตู่จะไปเป็นแม่ย่านางเรือให้กับรัฐนาวาผุๆพังๆ อย่างพลังประชารัฐอีกก็ใช้เรื่อง
ไม่แปลกที่กระแสข่าวบิ๊กตู่จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติจะมาแรงแบบไม่มีตก เพราะหลายคนก็เดาได้ไม่ยากว่ามาแน่แม้จะต้องลุ้นเสียวกับกฎ ส.ส.5 % ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ซึ่งพรรคที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯได้ต้องมีส.ส.ไม่น้อยกว่า 25 คน ที่งานนี้พีระพันธุ์ออกมายืนกรานจำนวนส.ส. 25 คน สำหรับพรรคใหม่มาแรงของตน มันเรื่องจิ๊บจ๊อย ยังไงก็ได้เกินแน่ ขณะที่ฝ่ายหมอระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แม้จะแสดงความเป็นห่วงเรื่อง 3 ป.แตกคอจะทำให้สูญพันธ์แพ้ฝ่ายทักษิณยับ แต่ก็เชื่อว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ส.ส.ราว 50 คนขึ้น ทำไมทำมายามนี้ พรรคใหม่อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติกลายเป็นพรรคใหม่มาแรง เรียกว่า “เนื้อหอม” สุดๆในสนามการเมือง เอารายชื่อคร่าวๆ กลุ่มการเมืองที่คาดว่าจะย้ายพรรคตามมาสนับสนุนบิ๊กตู่ให้เป็นนายกฯสมัย 3 ก็มี
1. กลุ่มชลบุรีของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผอ.พรรคพลังประชารัฐ สายตรงตึกไทยคู่ฟ้า ที่ประกาศบิ๊กตู่ไปไหนน้องเฮ้งไปด้วย นอกจากมีส.ส.ชลบุรีแล้วยังมีส.ส.ภาคกลางในมือรวมกว่า 20 คน 2. กลุ่มสิงห์บุรีของ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ที่สองจิตสองใจว่าจะอยู่กับลุงป้อมหรือจะมากับลุงตู่ แต่ดูแววโน้มเอียงมาฝั่งนายกฯมากกว่า 3. กลุ่มส.ส.กรุงเทพมหานคร 11 คน ที่บางส่วนจะตามไปหนุนบิ๊กตู่ อีกส่วนจะไปพรรคภูมิใจไทยตามคำชักชวนของ “เสี่ยบี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 4. กลุ่มด้ามขวานไทย ส.ส.ภาคใต้ 13 คน ที่แม้จะรักลุงป้อมแต่อย่างที่รู้คะแนนนิยมของคนใต้ส่วนใหญ่เพราะชื่นชอบบิ๊กตู่ทั้งนั้น ถ้าไม่หนุนบิ๊กตู่ไม่มีทางได้กลับมาเป็นส.ส.เข้าสภาหินอ่อน 5. กลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มีทั้งที่สนิทกับพีระพันธ์อย่าง พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่แจ้งจะย้ายพรรคไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติเรียบร้อย และที่จะออกตามมาอีกหลายคน อาทิ “แม่เลี้ยงติ๊ก” ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู “เจ๊โอ๋” รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตส.ส.ตรัง ที่พรรคจะไม่ส่งลงสมัครส.ส.คราวหน้า พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม รวมถึง วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ลูกสาวนายชุมพล กาญจนะ อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ รวมถึงกลุ่มที่ไม่ใช่ก๊วน “จุรินทร์-เฉลิมชัย” ที่พยายามหาทางออกจากพรรค และรวมถึงส.ส.ที่ไม่ถูกส่งลงสมัครเลือกตั้งในคราวหน้า นับไปนับมาอีกเป็นสิบ เบอร์ใหญ่คนล่าสุดที่ออกมาอย่าง “ด๊อกเตอร์สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ล่าสุดถูกนายกฯตั้งเป็นที่ปรึกษาสร.1 แล้ว อนาคตไม่แคล้วเดินเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติไปเป็นที่ปรึกษาเป็นองค์ความรู้ให้เด็กๆให้ส.ส.คนรุ่นใหม่ ทั้งหมดนี้แค่หนังตัวอย่าง ของจริงถ้าบิ๊กตู่ประกาศมาแน่จะไหลมายิ่งกว่าน้ำอีกคอยดู
ยามนี้พรรครวมไทยสร้างชาติเนื้อหอมส่องแสงสว่าง ต่างกับ 2 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ มีแต่ข่าวคนออกมีแต่ประเด็นส.ส.ย้ายพรรคมีแต่เรื่องเลือดไหล “ประยุทธ์เอฟเฟกต์” มันรุนแรงจริงๆ หากลุงป้อมยังดื้อตาใส ยุส่งใครจะไปก็ไป ไม่ห้ามไม่ว่ากัน ระวังจะยิ่งพังไปใหญ่ เดี๋ยวก็รู้ว่าของจริง คนไทยรักพรรคพลังประชารัฐหรือว่ารักบิ๊กตู่มากกว่ากัน ระหว่างเงินของลุงป้อมกับศรัทธาในตัวบิ๊กตู่ ส.ส.พลังประชารัฐจะเลือกอยู่กับใคร ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ก็คงอ่วมอรทัยเกิดเรื่องคราวนี้คงเห็นกันชัดว่าใครเป็นใคร ที่ผ่านมาหลายคนอึดอัดเพราะในพรรคสีฟ้าเล่นพรรคเล่นพวกกันมานาน ใครอยู่กับจุรินทร์ใครเป็นก๊วนเสี่ยต่อมีแต่รุ่งพุ่งพรวดมีหน้ามีงานมีตำแหน่ง ใครฝั่งตรงข้ามใครเห็นต่างใครอยู่คนละขั้วก็ไม่ถูกใช้งาน คัดตัวผู้สมัครเลือกตั้งเที่ยวหน้าก็ชัด ใครอยู่ฝ่าย “อู๊ดด้า-เสี่ยต่อ” ได้ลงสมัครได้ไปต่อใครอยู่ตรงข้ามนั่งเหงาอยู่บ้านไล่ไปลงปาร์ตี้ลิสต์หมด มันจบแล้วครับนายทั้งพรรคลุงป้อมทั้งพรรคจุรินทร์ รอดูได้เลยถ้าบิ๊กตู่เปิดตัวไฟเขียวให้พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ม.88 วางตัวตรงกลาง ไม่ต้องลงไปเป็นหัวหน้าพรรค ไม่เป็นสมัครเป็นสมาชิกแต่อย่างใด เปิดช่องเปิดโอกาสให้ส.ส.พรรคอื่นร่วมโหวตให้ขึ้นเป็นนายกฯได้ แบบไม่ผิดธรรมเนียมไม่เสียความชอบธรรม เชื่อแน่ว่าส.ส.พลังประชารัฐกับส.ส.ประชาธิปัตย์จะไหลมาอยู่กับรวมไทยสร้างชาติแบบอุ่นหนาฝาคั่งแน่นอน เลือกตั้งคราวหน้าจะได้รู้กันชัดๆ พลังศรัทธาในตัวคนดีอย่างบิ๊กตู่นายกฯที่เสียสละตัวเพื่อบ้านเมืองมาทั้งชีวิตอย่างพล.อ.ประยุทธ์จะได้ไปต่อหรือไม่อย่างไร
/////////////////////////
