ตามที่ พรรคฝ่ายค้านยื่นต่อศาลปกครองเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 โดยให้ “พืชกัญชา” กลับเข้าไปอยู่ในรายชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 จากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แนะนำว่าให้ สธ.ออกประกาศมาควบคุม ดีกว่าการแก้ไขกฎหมายแล้วเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดให้โทษ
อนุทิน เผย คกก.ภูมิปัญญาฯ ขานรับคำแนะนำ วิษณุ ออกประกาศคุม “ช่อดอก” กัญชา แถมยัง เพิ่มข้อกำหนด ล้อจากร่างพ.ร.บ.
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงการลงนามในประกาศสมุนไพรควบคุมกัญชา เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ว่า ตนเข้าใจถึงความหวังดีของท่านรองวิษณุ และขอบคุณที่ท่านให้คำแนะนำ ซึ่งทางคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ได้นำคำแนะนำดังกล่าวมาหารือในที่ประชุมและมีมติให้ปรับปรุงประกาศสมุนไพรควบคุมฉบับเดิม ที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2565 เมื่อทุกอย่างผ่านความเห็นเรียบร้อยแล้ว ตนจึงได้ลงนามในฐานะ รมว.สาธารณสุข ทุกอย่างมีขั้นตอน ฉะนั้น ลำพัง รมว.คนเดียวไม่สามารถออกประกาศได้แน่นอน
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. … ยังอยู่ในขั้นของการพิจารณาในสภา แต่ที่ผ่านมา สธ.ก็มีกฎหมายอื่นๆ ที่ศักดิ์สิทธิ์ทัดเทียมกัน ประกาศออกมาควบคุม ป้องกันการใช้กัญชาในทางที่ผิด แต่เพื่อให้เกิดการป้องกันอย่างครอบคลุมและยังคงใช้ประโยชน์จากพืชกัญชาได้สูงสุด ก็มีการปรับปรุงประกาศสมุนไพรควบคุมจากที่คุมกัญชาทั้งต้น ก็ปรับมาคุมเฉพาะช่อดอกกัญชา โดยมีข้อกำหนดว่า ถ้าใครจะนำช่อดอกกัญชาไปใช้เพื่อศึกษา จำหน่ายหรือแปรรูป ก็ให้มาขออนุญาตก่อน ห้ามจำหน่ายให้กับเด็ก คนท้อง นักศึกษา รวมถึงห้ามขายออนไลน์ ตู้อัตโนมัติ และห้ามโฆษณา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คล้ายคลึงกับเนื้อหาที่ถูกกำหนดในร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ มีความครอบคลุมและชัดเจนที่สุด รองรับทุกข้อห่วงใย
เมื่อถามว่าการออกประกาศนี้ เกิดจากการกระทุ้งของฝ่ายค้านหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นี่ไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น กฎหมาย ประกาศที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกไปก่อนหน้านี้ อย่างเช่นประกาศสมุนไพรควบคุมกัญชา นั่นเป็นการคุมเข้มกัญชาทั้งต้น กำหนดชัดเจนว่า ห้ามให้เด็ก เยาวชน คนท้องและให้นมบุตรใช้ประโยชน์จากกัญชา ใครจะทำอะไรก็ต้องมาขออนุญาตกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกก่อน แต่ในทางปฏิบัติของการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพและเศรษฐกิจก็ทำได้ยาก เราก็ปรับปรุงออกประกาศฉบับใหม่ เพื่อคุมแค่ช่อดอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่จะเอาไปศึกษาวิจัย หรือผู้ประกอบการจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากช่อดอกกัญชาได้ เพียงแต่ต้องขออนุญาตกับกรมแพทย์แผนไทยฯ ก่อน
“ประกาศสมุนไพรควบคุมเดิมก็ห้ามเด็กและเยาวชนเข้าถึงกัญชาอย่างชัดเจน ฉะนั้น ที่มีคนบอกว่า กฎหมายไม่ชัดเจน เปิดช่องให้เด็กเข้าถึงได้ ก็แสดงให้เห็นว่าคนที่พูด รู้ไม่จริง และนี่จึงเป็นคำตอบว่าประกาศนี้ ไม่ได้เกิดจากการกระทุ้งของใคร เพราะทุกอย่างมีที่มา มีเหตุผลรองรับ ไม่ได้ใช้แค่ความรู้สึก แต่ใช้ข้อมูลที่เชื่อถือได้” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามถึงกรณี นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านในครั้งนี้ด้วย นายอนุทิน ตอบว่า ไม่เคยรู้จักและไม่เคยทราบว่าเป็นใคร แต่ดูจากพฤติกรรมในสื่อโซเชียลเห็นได้ว่าคงกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างที่ต้องนำเสนอตนเองให้ได้รับความนิยม ตนจึงไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ กับคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ และเชื่อถือระบบการทำงานและการนำเสนอของอธิบดีและปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นสำคัญ
นายอนุทิน ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้(11 พ.ย.) ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา และ พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ได้ส่งข้อความมาหาตนและยืนยันว่าพฤติกรรมของ นพ.สมิทธิ์ ไม่ใช่มาจากแพทยสภา เป็นพฤติกรรมส่วนตัวและไม่ได้รับความเห็นชอบใดๆ จากแพทยสภาแม้แต่น้อย ตนจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะไปต่อความยาว สาวความยืดกับเรื่องเช่นนี้
ถามต่อว่า รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ออกมาแสดงความเป็นห่วง นพ.สมิทธิ์ ที่ร่วมเฟรมกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่ถ้ามองด้วยเหตุผลไม่ใช่อคติ ก็จะเห็นแล้วว่าทุกอย่างที่เขาแสดงความเป็นห่วง ก็มีมาตรการป้องกันควบคุมอยู่แล้ว เช่น ห่วงการเข้าถึงกัญชาในเยาวชน โดยที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยบอกว่าเปิดเสรีให้ทุกคนใช้กัญชาในทางที่ผิดอยู่แล้ว แถมยังควบคุมการเข้าถึงในกลุ่มเยาวชนด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง