ยิ่งเวลาประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียแปซิฟิค หรือ เอเปค 2022 ใกล้เข้ามาเท่าไหร่ ประเด็นการเมืองจากนี้ก็จะร้อนแรงขึ้นตามลำดับ อย่าลืมว่าหลังจบประชุมใหญ่ระดับโลกคราวนี้เสร็จสิ้น ระหว่าง 14-19 พ.ย.2565 เชื่อแน่ว่าการเมืองไทยจะร้อนแรงขึ้นอย่างแน่นอนและคงร้อนถึงขีดสุดขั้นปรอทแตก โดยเฉพาะอนาคตทางการเมืองของผู้นำประเทศอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม จะไปในทิศทางไหน แต่ดูแนวโน้ม 99.99 เปอร์เซ็นต์นายกฯไปต่อทางการเมืองแน่นอนอยู่ที่ว่าจะไปกับเรือลำเก่าอย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)หรือไปกับเรือลำใหม่ไฉไลท์กว่าอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่งานนี้หลายฝ่ายฟันธงตรงกันบิ๊กตู่น่าจะไปอยู่กับพรรคใหม่อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติแหง่ๆ เพราะสัญญาณหลายตัวบ่งชี้แนวโน้มไปทางนั้น มากกว่าที่จะจมปลักอยู่กับพรรคเสื่อมทรุดขาลงอย่างพรรคพลังประชารัฐ
จับสัญญาณพรรครวมไทยสร้างชาติ มีหัวหน้าที่ชื่อ “เสี่ยตุ๋ย” หรือ “เสี่ยพี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ก็เป็นที่ปรึกษานายกฯ เป็นน้องรักนักการเมืองที่ถูกคอถูกโฉลกถูกชะตากันเป็นอย่างมาก บิ๊กตู่อายุ 68 ปี ส่วนพีระพันธุ์อายุ 63 ปี บุคคลิกลักษณะนิสัยก็คล้ายคลึงกัน ซื่อสัตย์ ตงฉิน เทิดทูนสถาบัน ยอมหักไม่ยอมงอ เด็ดขาด โผงผาง ไม่ทนกับความชั่ว ไม่ก้มหัวให้คนโกง ไม่ยอมคนทำร้ายชาติ ไม่สยบให้คนทำลายบ้านเมือง เรียกว่าบิ๊กตู่กับเสี่ยตุ๋ยแถมจะถอดแบบโครโมโซมกันมาเลย จึงไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะรักใคร่ชอบพอกันมาก เปรียบดั่งโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ทั้งคู่ต้องมาทำงานเพื่อชาตอบ้านเมืองเคียงคู่กันในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนเลขาธิการพรรคก็เป็นนักการเมืองหนุ่มอนาคตไกล อย่าง “เสี่ยขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ วัย 36 ปี ที่พกประสบการณ์ข้นคลักมาเต็มกระเป๋า ทั้งอดีต ส.ส.กทม. เขตทวีวัฒนา อายุน้อยสุด 25 ปี อดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โฆษกกปปส.พ่วงเลขาฯส่วนตัวของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำเบอร์ต้นของกปปส. ลำพังแค่ชื่อหัวหน้ากับเลขาธิการพรรคแค่นี้ก็รู้แล้วว่าพรรคการเมืองนี้เป็น “กัลยาณมิตร” กับบิ๊กตู่มากมายขนาดไหนเพราะในพรรคมีแต่คนรักใคร่ชอบพอกันทั้งนั้น
ไหนจะ “ด็อกเตอร์สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ล่าสุดไขก๊อกออกจากพรรคเก่าแก่ ประกาศขอมีลมหายใจสุดท้ายเป็นของตัวเอง ก่อนถูกบิ๊กตู่ตั้งเป็นที่ปรึกษานายกฯไปหมาดๆ อนาคตก็คงจ่อคิวตบเท้าเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน ส่วนเนื้อในก็มีขุนพลตัวตึงจากอดีตพรรคประชาธิปัตย์มากองกันอยู่เพียบ ทั้ง “เสี่ยน้อย” วิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุข ผู้แทนนครศรีธรรมราชหลายสมัย หรือ ขุนพลประจัญบานอย่าง “เเม่ทัพลูกหมี” ชุมพล จุลใส เบอร์ใหญ่ชุมพร และ “กำนันศักดิ์” พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกฯอบจ.สุราษฎร์ธานี ที่ก่อนหน้านี้เคยนำส.จ.สุราษฎร์ธานี 20 เขต กว่า 40 ชีวิต มาแสดงตัวสนับสนุนพรรคที่ ซอยอารีย์ 5 กรุงเทพฯ เมื่อ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้พีระพันธุ์มั่นใจมากว่าจะกวาดส.ส.ภาคใต้ได้เป็นกอบเป็นกำ เบื้องต้นวงในประเมินเกิน 20 คน จาก 5 จังหวัดที่เป็นฐานที่มั่นสำคัญ ไล่ตั้งแต่ ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา เพราะตัวขุนพลและแม่ทัพแต่ละคนล้วนที่มีอยู่ในมือล้วนเป็น “ทีเด็ด” และเป็น “ของจริง” ทุกคน ขณะที่บรรดาผู้สมัครของพรรคทุกคนก็เฟ้นแต่ระดับหัวกะทิ โดยแกนนำของพรรค ไม่มีระบบเด็กฝาก ไม่มีประเภทลูกส.ส. ลูกผู้ใหญ่ เมีย พี่น้องคนรู้จักมาลงให้เสียของ เสียโควต้าพรรค รอบนี้แว่วว่า เอาแต่พวกคะแนนดี ทำงานหนัก ชาวบ้านชอบ สู้งาน ถึงลูกถึงคนลงชิงชัยทุกเขต มั่นใจมากว่าในพื้นที่ภาคใต้ โดยฌแพาะ 3 จังหวัดเป้าหมายคือ สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง จะเบียดเจ้าถิ่นอย่างพรรคประชาธิปัตย์กระเจิง บี้พรรคพลังประชารัฐให้ย่อยยับ รุกไล่ภูมิใจไทยให้ขวัญเสียได้แน่นอน ขณะที่บิ๊กตู่หากตกปากรับคำมาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคให้จริงๆ รับรองว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งอย่างแน่นอน โดยเฉพาะจากพี่น้องชาวปักษ์ใต้ที่รักคนจริงอย่างบิ๊กตู่สุดหัวใจ
ต่างจากพรรคพลังประชารัฐบ้านเก่าเรือแป๊ะลำเดิม ที่มีแต่พวกงูเห่ารอแว้งกัด ในพรรคก็มีแต่นักการเมืองเขี้ยวรากดิน รวมพลบรรดา “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” บริหารประเทศไปก็ต้องระวังหลังไป ไม่รู้จะถูกคนในพรรคแทงหลังเมื่อไหร่ แถมอนาคต “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ก็กระสันจะดึง “ผู้กองน้องรัก” อย่างร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เคยก่อเหตุมีเรื่องมีราวใหญ่โตปีนเกลียวขบเหลี่ยม วางแผนแจกกล้วยจะล้มนายกฯ จนถูกปลดพ้นความเป็นรัฐมนตรี กลับมาช่วยงานพรรคอีกทั้งๆที่ขับไล่ไสส่งพ้นพรรคไปแล้ว เป็นใครจะทนอยู่ไหวในพรรคสารพัดพิษแบบนี้ ลุงป้อมเล่นการเมืองบีบไข่น้องเล็ก 3 ป.อย่างบิ๊กตู่จนหน้าเขียวไม่เหลือทางเดินในพรรคให้เลย เที่ยวนี้จึงไม่แปลกที่บิ๊กตู่จะต้องหาที่อยู่ใหม่เพราะคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก ล่าสุดขอให้จับตา 21 พ.ย. หลังประชุมเอเปคจบ ข่าวว่าอาจมีเคลื่อนไหวสำคัญจากพรรครวมไทยสร้างชาติในการเดินเกมส่งเทียบเชิญบิ๊กตู่มาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค เรียกว่าเปิดหน้าเอาฤกษ์เอาชัยกันไปก่อนเลย เพราะเวลาจากกนี้ก็เหลือไม่มากแล้ว จะคิดอ่านทำการอะไรก็ต้องรีบเข้าเพราะวัน น. เวลา ว.ในการเลือกตั้งก็งวดเข้ามาทุกที แกนนำในพรรครวมไทยสร้างชาติมองว่าถ้าบิ๊กตู่เปิดหน้าเร็วพรรครวมไทยสร้างชาติก็จะได้ขยับเรื่องอื่นๆตามได้ง่ายขึ้น ตอนนี้คัดผู้สมัครครบแล้ว นโยบายก็ทำไปมากแล้ว ถ้าได้หัวอย่างบิ๊กตู่มาเปิดตัวเร็ว พรรคก็จะเดินหน้าปรับโหมดสู่การเลือกตั้งได้ทันที
“ ตอนท่านยังไม่มาเราคิดไว้แล้วว่าน่าจะได้ส.ส.ระดับหนึ่ง ราว 17 -20 คน แต่ถ้าท่านมาเราคิดว่า ความนิยมในตัวท่านบวกกับผลงานจะทำให้เราได้ส.ส.ทะลุ 50 คนได้ไม่ยาก เพราะจุดแข็งของพล.อ.ประยุทธ์คือเรื่องของความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ถ้าท่านเป็นนายกฯทุกอย่างจะนิ่ง เอกชน ภาคธุรกิจจะมั่นใจในเรื่องเสถียรภาพของบ้านเมือง ความสงบเรียบร้อยของประเทศจะมีมาก แต่จุดที่ต้องเพิ่มคือการอธิบายเหตุผลว่าทำไมต้องเลือกคนเหลือวาระ 2 ปีเป็นนายกฯ เรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่ต้องหาคนรุ่นใหม่คนที่เชี่ยวชาญจริงๆมาช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย” วงในพรรครวมไทยสร้างชาติระบุ มั่นใจเกิน 100 ว่าพล.อ.ประยุทธ์มาแน่
เอาจริงๆ ครบวาระสภาผู้แทนราษฎร 23 มี.ค.2566 เหลือเวลาแค่ 4 เดือนเท่านั้น ก่อนหน้านี้กกต.เคยเขียนไทมไลน์เป็นตุ๊กตาคร่าวๆให้ดูว่า วันเวลาเร็วสุดที่จะเลือกตั้งได้หากบิ๊กตู่อยู่ครบวาระ คือ วันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค.2566 อย่างไรก็ตาม ในรัฐธรรมนูญ ม. 97 (3) กำหนดคุณสมบัติบุคคลผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.ไว้ชัดเจนว่า “ เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในกรณีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปเพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลาเก้าสิบวันดังกล่าวให้ลดลงเหลือสามสิบวัน ”
เพราะฉะนั้นหากบิ๊กตู่ลากยาวจนครบวาระ 23 มี.ค.2566 วันสุดท้ายที่สามารถลาออกหากประสงค์จะย้ายพรรคและไม่ติดเดดล็อค 90 วันตามรัฐธรรมนูญก็จะเป็นวันที่ 7 ก.พ.2566 แต่ถ้าให้ชัวร์ต้องลาออกก่อนหน้านั้นจะปลอดภัยที่สุด อันนี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. 2566 แต่ถ้ากกต.จัดการเลือกตั้งเร็วกว่านั้น พวกที่ไม่ลาออกไม่ย้ายพรรคก่อน 7 ก.พ.2566 ก็จะตายหมู่ย้ายพรรคไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นตรงนี้บรรดาส.ส.ต้องตามข่าวกันให้ดี ยกเว้นมั่นใจว่าบิ๊กตู่ยุบสภาแน่ระยะเวลาสังกัดพรรคการเมืองก็จะร่นเหลือแค่ 30 วัน ตรงนั้นก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย้ายพรรคเพราะหลังประกาศยุบสภา กฎหมายกำหนดว่าจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วันไม่เกิน 60 วัน ตรงนั้นก็จะไม่มีปัญหากับการย้ายพรรค จากนี้ก็ต้องดูว่าบิ๊กตู่จะวางเกมไปสู่การเลือกตั้งอย่างไร จะเปิดตัวยอมรับว่าไปเป็นหัวพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อไหร่ จะมีใครตามบิ๊กตู่ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติบ้าง สุชาติ ชมกลิ่น ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน อนุชา นาคาศัย ฯลฯ และบิ๊กตู่จะเลือกยุบสภาตอนไหนหรือจะลากยาวไปให้ใกล้ๆครบวาระแล้วค่อยยุบ บริหารประเทศสร้างผลงานเก็บแต้มต่อทางการเมืองไปเรื่อย ๆ 4 เดือน 120 วัน ยังมีเวลาอีกโข หากหวังเล่นการเมืองต่อเป็นนายกฯช่วงท้ายปลายทางอีก 2 ปี หมดภารกิจเป็นเจ้าภาพเอเปค 2022 ก็ต้องมาลุยการเมืองกันแบบเต็มๆ ส่วนยุบสภาค่อยไปว่าเอาเดือนมี.ค.ใกล้ครบวาระก็ได้
//////////////////////