เพราะความเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อ 6 เม.ย.2489 พรรคประชาธิปัตย์จึงได้รับการเรียกขานให้เป็น “สถาบันการเมือง” ย่าง 77 ปีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองมามากมาย จากยุคสู่ยุคไล่ตั้งแต่หัวหน้าพรรคคนแรกคือควง อภัยวงศ์ จนถึงหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันซึ่งเป็นคนที่ 8 อย่าง “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ความยิ่งใหญ่และการเป็นตำนานการเมืองของพรรคไม่มีใครปฏิเสธได้ 4 ใน 8 ของหัวหน้าพรรคขึ้นเป็นนายกฯ ไล่ตั้งแต่ ควง อภัยวงศ์ นายกฯคนที่ 4 , ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกฯคนที่ 6 , ชวน หลีกภัย นายกฯ คนที่ 20 และ ล่าสุดคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯคนที่ 27 ในความเป็นพรรคการเมืองพรรคประชาธิปัตย์สร้างนักการเมืองป้อนวงการมากมาย กว่าครึ่งที่กระจายไปอยู่พรรคการเมืองต่างๆในตอนนี้ ทั้งที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ เป็นแกนนำพรรคคนสำคัญ เป็นมือไม้คนเก่งของพรรคการเมืองต่างๆ ดาวสภา เสนาบดีในทำเนียบ ล้วนผ่านอู่ข้าวอู่น้ำได้ดีเพราะข้าวแดงแกงร้อนจากพรรคประชาธิปัตย์มาทั้งหมดทั้งสิ้น
แต่อนิจจาในตัวยานแม่สถาบันอันเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์เอง ชะตากรรมพรรค ณ ปัจจุบันเรียกว่ายังลูกผีลูกคน ฟันธงไม่ถูกว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงดี ย้อนอดีตกลับไปการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเมื่อ 24 มี.ค.2562 กวาดคะแนนทั่วประเทศไป 3,960,128 คะแนน ได้ส.ส.มา 53 คน แบ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20 คน ส.ส.เขต 33 คน ประกอบด้วย กลาง 8 คน อีสาน 2 คน เหนือ 1 คน ใต้ 22 คน ส่วนกทม.ไม่ได้ส.ส.เลยสักคน จากที่เคยเป็นพรรคอันดับ 2 ในวงการ เป็นคู่แข่งตัวฉกาจของพรรคเพื่อไทยเป็นผู้นำขั้วตรงข้ามฝ่ายทักษิณ แต่เลือกตั้งคราวที่แล้วกลับตกมาเป็นพรรคอันดับ 4 อันดับ 5 จากพระรองตกอับกลายมาเป็น “พระอันดับ” ในปัจจุบัน มาเที่ยวนี้จุรินทร์ประกาศเสียงดังลั่นประชาธิปัตย์จะกลับมาทวงบัลลังก์พรรคใหญ่เก่าแก่ขาใหญ่ในวงการ กรุงเทพตั้งเป้าฟื้นคืนชีพปักษ์ใต้มั่นใจได้แชมป์ด้วยเก้าอี้ที่มากกว่าเดิมคือ 22 ตัว ขึ้นไป ยืนยัน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเป็นนายกฯคนต่อไป ถ้าไม่เป็นก็เสียของเพราะสมาชิกพรรคทั่วประเทศให้ฉันทามติมาแล้ว
เลือกตั้งเที่ยวหน้าพรรคอื่นจะว่าอย่างไรไม่รู้ แต่พรรคประชาธิปัตย์สายสีฟ้า ขึ้นเวทีคราวหน้าประกาศสู้ถวายหัวจุรินทร์เป็นหัวหน้าพรรคถ้าแพ้เลือกตั้งก็ต้องไป ธรรมเนียมนี้พรรคอื่นไม่รู้แต่พรรคประชาธิปัตย์ยึดถือปฏิบัติมาตลอด แพ้เลือกตั้งใหญ่ไม่มีสิทธิ์แก้ตัวหมดที่ยืนในพรรคทันที นอกเหนือจากจุรินทร์ที่ต้องเดิมพันอนาคตตัวเองในเวลาอันใกล้นี้แล้ว ตัวเลขาธิการพรรคคู่ใจอย่าง “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เจ้าพ่อสามอ่าว บ้านใหญ่เมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่ก่อนหน้านี้ได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้าพรรคให้เป็นประธานกรรมการเตรียมการเลือกตั้ง เมื่อ 16 ก.ย.2565 เลือกตั้งเที่ยวหน้าก็เดิมพันไว้สูงลิ่ว ถึงขนาดประกาศลั่นทุ่งเลือกตั้งคราวหน้าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ส.ส.น้อยกว่าเดิม จะขอลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค พ่วงออปชั่นขอเลิกเล่นการเมืองไปเลย นักเลงจริงพูดแล้วไม่คืนคำเสี่ยต่อลั่นวาจาเป็นสัตย์พ่ายเลือกตั้งได้ส.ส.ไม่มากกว่าครั้งก่อนถอนสมอขอวางมือทางการเมือง
ข้างฝ่าย “เสี่ยนิพนธ์” นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง เที่ยวหน้าก็อ่วมอรทัยเช่นกันในฐานะ “เดอะแบก” ดูแลภาคใต้หลายจังหวัด เที่ยวที่แล้ว 14 จังหวัดภาคใต้มี ส.ส. 50 คน รอบนี้งอกมาอีก 8 เป็น 58 คน นิพนธ์ประกาศล่าสุดภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเป้าจองส.ส.ไว้ 35-40 คน ทั่วประเทศมั่นใจไปได้ถึง 70-80 คน ทั้งหลายทั้งมวลคือความมั่นใจของ 3 คีย์แมนแกนนำเบอร์ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่รู้ว่าอนาคตในการเลือกตั้งอันใกล้ จะพาพลพรรคพระเเม่ธรณีบีบมวยผมรอดสันดอนกลับมาผงาดอีกครั้งได้หรือ ท่ามกลางกระแสขาลงของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนี้แบบสุดๆ ภายหลังแกนนำเบอร์ใหญ่ๆของพรรคชิงลาออกไปจำนวนมากในยุคจุรินทร์ ไล่เรียงแค่เบอร์ใหญ่ก็มีตั้งแต่ กษิต ภิรมย์, กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม , พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ,กรณ์ จาติกวณิช , อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี , วิฑูรย์ นามบุตร, นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ,ถวิล ไพรสณฑ์, เอกณัฏ พร้อมพันธุ์, ชุมพล จุลใส, ถาวร เสนเนียม , วิทยา แก้วภราดัย, ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ฯลฯ ขณะที่ระดับส.ส.ธรรมดามีอีกบาน
ถามว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมในช่วงที่เป็นรัฐบาล มีโควต้าเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร รับผิดชอบคุมกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามปกติน่าจะเป็นขาขึ้นของพรรคการเมือง ส.ส.ไหลเข้าใครๆก็ต้องอยากมาซบพรรค แต่พรรคสีฟ้ายามนี้มีแต่คนไหลออกเลือดนองไม่หยุด เหลือเวลาอีก 4 เดือนกว่าจะครบวาระ 4 ปีของสภาผู้แทนราษฎร นับถอยหลังเลือกตั้งกันแล้ว ถามว่าจากนี้ไปในพรรคประชาธิปัตย์จะมีส.ส.จะมีผู้แทนลาออกอีกกี่คน ร่ำๆว่ามีอีกบานที่จะย้ายพรรค ทั้งไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีข่าวว่าจะเป็นพรรคใหม่ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และย้ายไปอยู่กับพรรคอื่น ถามว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ “คนในอยากออก คนนอกไม่อยากเข้า” ปัญหาอยู่ที่วัฒนธรรมพรรค ผู้บริหารพรรค หรือ คนที่อยากย้ายออกไปไม่ดีเอง คนในพรรคน่าจะรู้คำตอบดี อีกไม่นานชาวบ้านจะให้คำตอบนี้เอง
//////////////////////