นางนาโฮโกะ ชินโดะ ที่ปรึกษาอาวุโส ของโครงการฉุกเฉินด้านสุขภาพขององค์การอนามัยโลก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิกเคอิ ในระหว่างการประชุมโรคติดต่อ 2 วัน ในโตเกียวว่า กุญแจสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของเอเชียคือ การป้องกันการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในฤดูหนาวนี้ จากการเปิดพรมแดนอีกครั้ง เนื่องจากการเดินทางที่มากขึ้น ทำให้ไวรัสระบาดได้มากขึ้น เช่นในประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน
อีกทั้งชี้ว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บางประเทศในเอเชีย มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น เช่นในญี่ปุ่น มีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทะลุ 1 แสนรายเมื่อวันอังคาร ซึ่งทะลุ 1 แสนรายครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน นอกจากนี้จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า จำนวนประชากรเพียง 30-40 เปอร์เซ็นต์ของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มีภูมิต้านทานต่อไวรัสโคโรนา ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากภูมิภาคนี้ ใช้หลักปกป้องสุขอนามัยที่เคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดโควิด ทำให้ยังมีคนที่ไม่ได้สัมผัสเชื้ออยู่มาก ในทางตรงกันข้าม ในประเทศที่มีรายได้สูงในยุโรปและอเมริกาเหนือ ประชากรจำนวน 75 -100 เปอร์เซ็นต์นั้นมีภูมิต้านทานแล้ว
ส่วนแนวทางจัดการกับโควิดในอนาคต โลกจะมุ่งเน้นไปที่ การพัฒนาวิธีการป้องกันและการรักษาโรคที่ดีกว่านี้ ซึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการป้องกันโรคในวงกว้าง คือการพัฒนายาต้านไวรัสชนิดเม็ด และการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พร้อมชี้ว่า วัคซีนในอุดมคติควรเป็นชนิดสูดหรือพ่น ซึ่งทำให้ภูมิคุ้มกันส่งตรง ไปยังเยื่อบุทางเดินหายใจในทันที