การถือกำเนิดของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ไม่ว่าวันนี้จะถูกมองว่าเป็น “พรรคอะไหล่” ของพรรคพลังประชารัฐซึ่งมีแนวโน้มสูงยิ่งว่าจะเป็นพรรคเต็ง ๑ ที่ได้รับไฟเขียวจาก “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้เสนอชื่ออยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯของพรรค หรือแม้แต่การถูกมองว่าเป็น “พรรคสำรอง” ของพรรคประชาธิปัตย์ที่คนหนีออกจากยานแม่ย้ายมาอยู่ในยานลูกกันพะเรอเกวียน แต่วันนี้ต้องบอกว่าพรรคน้องใหม่ย่านซอยอารีย์ 5 ได้กลายเป็นพรรคน้องใหม่ที่มาแรงที่สุดในการเมืองไทยตอนนี้ ไม่ใช่แค่เพราะมีข่าวว่าบิ๊กตู่จะไปเป็นหัว แต่แกนนำในพรรคก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอดีตเด็กเก่าค่ายสีฟ้ามาจากพรรคประชาธิปัตย์
เพราะเหตุที่มีกระแสข่าวเปอร์เซ็นสูงยิ่งว่าบิ๊กตู่จะตกร่องปล่องชิ้นให้พรรคน้องใหม่ที่ว่านี้แหละเสนอชื่อตัวเองชิงตำแหน่งนายกฯในการเลือกตั้งคราวหน้า ที่เชื่อแน่ว่าจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ เพราะวาระสภาผู้แทนราษฎรจะหมดลงในวันที่ ๒๓ มี.ค.๒๕๖๖ ตรงนี้จึงเป็นไฟท์บังคับยังไงก็ต้องเลือกตั้งใหม่อยู่ดี อยู่ที่ว่าจะเลือกตั้งใหม่เพราะยุบสภาหรือจะอยู่ยาวให้จบครบวาระ ที่ตรงนี้ก็อยู่ที่การวางเกมของบิ๊กตู่ว่าจะเลือกใช้ไม้ไหนในการไปสู่การเลือกตั้ง ที่ต้องไปบวกลบคูณหารดูเวลาที่เหมาะสมบวกกับสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยกันเอาเอง ว่าช่วงเวลาไหนใช้วิธีใดถึงจะได้ประโยชน์กับตัวเองกับพรรคพวกตัวเองมากที่สุด แต่ที่แน่นอนคือการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นแน่นอนในปีหน้าเพียงแต่จะเกิดเดือนไหนเท่านั้น ทีนี้เมื่อบิ๊กตู่ตัดสินใจไปต่อ แต่ไม่อาจอยู่กับเรือแป๊ะลำเก่าที่ชื่อพลังประชารัฐได้ เพราะ ๔ ปีของการทำงานฝ่าฝันอุปสรรคด้วยกันมา ต้องยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นตัว “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือแกนนำพรรคในอดีตที่ออกไปแล้วอย่างตัว “ผู้กอง”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.เศรษฐกิจไทย อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงแกนนำพรรคอีกหลายคน ไม่ได้แบ่งเบาภาระของนายกฯไม่ได้ช่วยเหลือบิ๊กตู่อย่างที่ควรจะเป็น
ทำไปทำมาคนที่ก่อปัญหาให้บิ๊กตู่มากที่สุดไม่ใช่ร.อ.ธรรมนัส แต่เป็นตัวลุงป้อมเองนั้นแหละที่ตั้งแต่ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคุมอำนาจเบ็ดเสร็จในพรรค กลับบริหารพรรคแบบเละเทะ เล่นพรรคเล่นพวกไร้คุณธรรม หาหลักหาธงไม่ได้ ตลอดระยะเวลาที่เป็นแกนนำรัฐบาล แทนที่ลุงป้อมจะทำพรรคการเมืองให้ “นิ่ง” ดูแลนักการเมืองประเภทเขี้ยวลากดิน “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ไม่ให้อาละวาด เพื่อให้บิ๊กตู่มีสมาธิในการขับเคลื่อนรัฐบาลบริหารประเทศ แต่ไม่เลยนอกจากจะไม่ดูลให้พรรคพลังประชารัฐสงบเรียบร้อยแล้ว ลุงป้อมยังให้ท้ายพวกตัวเองก๊วนคนใกล้ชิด ทั้งเพื่อนสนิทเตรียมหทารรุ่น ๖ ที่เป็นใหญ่ในสภาสูง เคียงข้างน้องรักที่เป็นบิ๊กตำรวจ เจ้าของรหัส “ ป.ที่ ๔ ” รวมถึงผู้กองลูกน้องคนดัง และบรรดาส.ส.ที่เลี้ยงไว้ในพรรค ก่อเรื่องฉาวสร้างเรื่องคาวไม่หยุด หนักข้อเข้าถึงขนาดคิดล้มนายกฯคว่ำบิ๊กตู่ลงให้ได้ เพราะความทะเยอทะยานของคนรอบตัวหรือเพราะเป้าหมายในใจของลุงป้อม แต่วันนี้ทุกคนในประเทศนี้รู้หมดว่าลุงป้อมใฝ่สูงคิดการใหญ่ล้มนายกฯ ๓ ป.บูรพาพยัคฆ์จึงวิบัติ ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านว่างัดกันเพราะอยากเป็นใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
อ่านใจบิ๊กตู่ความจริงคงไม่อยากทิ้งพรรคพลังประชารัฐเลย ถ้าไม่มีปัญหาอะไรที่หนักใจหนักหน้าจริงๆ แต่เพราะอยู่ไม่ไหวไปต่อไม่ได้ เที่ยวหน้าจึงต้องหาพรรคใหม่เป็นที่อยู่ ความซวยจึงมาตกกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะต้นขั้วขุนพลคนที่บิ๊กตู่วางใจให้ทำพรรคใหม่ดันกลายเป็นคนแข็งใจนักเลงอดีตคนกันเองในพรรคสีฟ้าที่ชื่อ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นั้นเอง ไม่รู้ถูกโฉลกชะตาต้องกันอย่างไร โผงผาง ไม่ยอมคน เทิดทูนสถาบัน ไม่ก้มหัวให้ความชั่ว วันนี้พีระพันธุ์กลายมาเป็นขุนพลคู่ใจบิ๊กตู่ไปอีกคนเสียแล้ว ความจริงใครตามคู่หู “ ๒ ต. ตู่-ตุ๋ย ” มาตลอดจะทราบดีว่าก่อนหน้านี้ บิ๊กตู่เคยส่งเสี่ยตุ๋ยเข้าไปแผ่วถางทางในพรรคพลังประชารัฐมาทีนึงแล้ว ตอนนั้นหวังให้เสี่ยตุ๋ยไปช่วยปรับโครงสร้างพรรค บูรณาการพรรคให้ดีขึ้นเพื่อรองรับการเลือกตั้งในอนาคต แต่สุดท้ายเสี่ยตุ๋ยก็ไปไม่รอดเพราะโดนเด็กๆของลุงป้อมสกัดดาวรุ่งทำอะไรก็ติดขัดมีปัญหาไปหมด ฝ่ายหัวขบวนอย่างลุงป้อมก็ไม่ได้ให้ค่าไม่ได้เห็นราคาที่เสี่ยตุ๋ยอุตส่าห์เปลืองตัวเข้าไปช่วยพรรคเลย แต่เพราะถูกบิ๊กตู่ขอร้องเลยเข้าไป ก่อนจะเจอการกีดกันและไม่ใช้งานเลยที่สุดเสี่ยตุ๋ยก็ต้องไขก๊อกออกมา ก่อนถูกส่งมาเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งเป็นพรรคเก่าที่ “แรมโบ้” ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ เคยก่อร่างสร้างพรรคไว้ แต่เกิดอุบัติเหตุเรื่องหวยออนไลน์ก่อนแรมโบ้เลยไปไม่ถึงฝัน
อย่างที่รู้พอพีระพันธุ์ตกปากรับคำมาเป็นหัวให้กับรวมไทยสร้างชาติ เจ้าตัวก็ชวนคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่อึดอัดกับการบริหารงานในยุค “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนที่ ๘ กับ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เจ้าพ่อ ๓ อ่าวออกมาด้วย คนที่ออกตามมาแต่แรกก็มี “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส.กทม. “เสี่ยน้อย” วิทยา แก้ว ภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุข รวมถึงอดีตส.ส.อีกหลายคน ในจำนวนนี้มี “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร ที่โดนคดีชุมนุมกปปส.ต้องเว้นวรรคการเมือง แต่ก็ขอช่วยพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่เบื้องหลัง เพราะหมดศรัทธากับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ และเบื่อกับระบบพวกมากลากไป คนในพรรคสีฟ้าไหลออกเยอะถึงขนาดนายหัวชวนลูกแม่ถ้วน ต้องออกมาเบรกออกจากพรรคไปไม่มีรุ่ง ซัดพรรคใหม่จ้องทำลาย เพราะใช้วิธีการ “ตกปลาในบ่อเพื่อน” แต่เหมือนเสียงที่ไม่ได้ยิน คนจะไปใครห้ามก็ไม่ฟัง เพราะทู่ซี้อยู่พรรคเก่าต่อไปไม่ตายแต่ไม่มีวันโต ล่าสุดก็เป็นคิวของ “ด็อกเตอร์สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกฯ แกนนำเบอร์ใหญ่ของพรรคก็ปิดฉาก ๓๖ ปีในพรรคสีฟ้า ประกาศขอมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายเป็นของตัวเอง ถัดจากนั้นมาก็เป็นคิวของพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าเตรียมออกอีกหลายคน อาทิ “แม่เลี้ยงติ๊ก” ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ “เจ๊โอ๋” รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯและอดีต ส.ส.ตรัง พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ฯลฯ
ทั้งหลายทั้งมวลยังมีอีกหลายคนเตรียมชิ่งหนีพรรคสีฟ้า ในกรุงเทพฯก็มีมาก ภาคใต้ก็อีกเยอะ รอทุกอย่างลงตัว ฟ้าเปิดเมื่อไหร่ เชื่อแน่ว่าจะมีคนไขก๊อกออกจากพรรคเก่าแก่อีกมาก บอกเลยเลือดยังไหลยังไม่หยุด เที่ยวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเตรียมเปิดศึกสายเลือดกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน เพราะฐานเดียวกันคนรักใคร่ชอบพอไม่ต่างกัน อยากได้จุรินทร์เป็นนายกฯเลือกพรรคประชาธิปัตย์อยากให้บิ๊กตู่ไปต่อกาพรรครวมไทยสร้างชาติ แกนนำพรรคน้องใหม่ตั้งเป้าเดินด้วยขาตัวเองอย่างต่ำทั่วประเทศได้ส.ส. ๑๗ คน แต่ถ้าบิ๊กตู่มาเป็นหัวให้เชื่อแน่ส.ส.พุ่งกระฉูดอย่างต่ำ ๕๐ คนขึ้นไปแน่นอน เพราะคนใต้รักและศรัทธาในตัวบิ๊กตู่มากๆ ขณะที่ฝ่ายประชาธิปัตย์เองจุรินทร์มั่นใจภาคใต้ได้มากกว่าเดิมเกิน ๒๒ คน ส่วนผอ.การเลือกตั้งอย่างนิพนธ์ บุญญามณี คนโตสงขลาเชื่อทั้งภาคกวาด ๓๕ คนเป็นอย่างน้อย ทั่วประเทศได้แน่ ๗๐-๘๐ คน ขณะที่เสี่ยต่อเฉลิมชัยถึงขันเดิมพันอนาคตทางการเมือง ได้ส.ส.น้อยกว่าคราวก่อนไม่มากกว่า ๕๒ คน ลาออกจากเลขาธิการพรรคเลิกเล่นการเมืองทันที เลือกตั้งครั้งหน้าภาคใต้ ๑๔ จังหวัด เที่ยวหน้าได้ส.ส.เพิ่มจาก ๕๐ คนเป็น ๕๘ คน รวมไทยสร้างชาติเตรียมหายใจรดต้นคอประชาธิปัตย์ ล่าสุดแว่วว่าพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ทีแรกบอกว่าจะขอ ๑๕ คนในภาคใต้ ตอนนี้เสียงว่าเปิดตูดหนีแล้ว ไม่สู้ในเขตนอกฐานที่มั่นเดิมแล้วเพราะประเมินแล้วไม่คุ้ม ขอรักษา ๘ เก้าอี้เดิมในภาคใต้ไว้ก็พอที่เหลือให้ “ประชาธิปัตย์ -รวมไทยสร้างชาติ” ฟัดกันเอง พรรคน้องใหม่ตั้งเป้าขอกวาดส.ส. ใน ๕ จังหวัดหลักภาคใต้ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ส่วนถ้าได้จังหวัดอื่นมาเพิ่มก็ถือว่าเป็นโบนัส หลังเอเปคจบถ้าบิ๊กตู่เปิดตัวไว เตรียมเดินเครื่องรุกพื้นที่เต็มสูบ เลือกตั้งรอบหน้าภาคอื่นไม่รู้ แต่ภาคใต้ไฟลุกเลือดสาดแน่ เพราะ 2 พรรคเปิดศึกสายเลือดกันเองทุกจังหวัดทุกเขตทางภาคใต้
///////////////////