“อนุทิน”ชี้แจง หลังว่อน ฉีดแอสตร้าฯ เข็มที่ 3 ให้ ตร.บุรีรัมย์ ก่อนแพทย์ที่เป็นด่านหน้า

รมว.สาธารณสุข ชี้ ตำรวจเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นบุคลากรด่านหน้า  ผวจ.ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว  ระบุวัคซีน 13 ล้านโดสที่จะได้รับในเดือน ก.ค.-ส.ค. จะเร่งเอาไปฉีดให้คนสูงอายุและกลุ่มคนป่วยโรคเรื้อรังก่อน

ตามที่ปรากฏว่ามีการเผยแพร่ภาพในสื่อออนไลน์ เรื่องการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกา (AstraZeneca) เข็มที่ 3 ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากส่วนใหญ่เห็นว่ายังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้ฉีดแม้แต่เข็มแรก แต่ทำไมตำรวจในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ถึงได้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกรณีดังกล่าวกับทีมข่าว “ท็อปนิวส์” ว่า นโยบายเรื่องนี้ชัดเจนว่าการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 กระทรวงมีแนวปฏิบัติชัดว่าจะต้องฉีดให้กับแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่เป็นบุคลากรด่านหน้าที่ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วยเท่านั้น ไม่ใช่จะเอาไปฉีดให้ใครก็ได้ เท่าที่ทราบข้อมูลมาตำรวจที่ไปต่อแถวฉีดที่ จ.บุรีรัมย์ เขาตีความว่าเขาคือบุคลากรด่านหน้าเลยคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ฉีด เรื่องนี้ต้องถามผวจ.บุรีรัมย์

 

” ความจริงเขาฉีดไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในกรอบคนที่มีสิทธิ์ฉีด เราต้องการฉีดให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขก่อน  เพราะบุคลากรเหล่านี้ถ้าติดเชื้อเขาต้องหยุดงาน และเขาก็มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้เขาได้บูสเตอร์โดสเข็ม 3 ให้ได้ก่อน ” รองนายกฯกล่าว

 

นายอนุทิน เปิดเผยอีกว่า กรณีการนำวัคซีนไปฉีดทางจังหวัดต้องบริหารจัดการให้ดี  ต้องกำหนดให้ชัดเจนไปเลยว่าวัคซีนเข็ม 3  สำหรับบุคลากรด่านหน้า คือ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วยเท่านั้น เนื่องจากจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด เพราะคนที่เป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ทำงานชายแดนหรือในพื้นที่ๆมีการระบาดสูงอย่าง ทหาร ตำรวจ อาจเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือบุคลากรด่านหน้าได้  ทั้งๆที่ความจริงประกาศและมติของกระทรวงสาธารณสุขได้บอกชัดเลย บุคลากรด่านหน้าคือทางการแพทย์เท่านั้น จังหวัดต้องขีดเส้นใต้เรื่องนี้ให้ชัด  ทราบว่าตอนนี้ผวจ.บุรีรัมย์ได้ตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว เรื่องนี้จังหวัดต้องมีความชัดเจน เข็ม 3 ต้องให้คนที่ดูแลคนเจ็บคนป่วยก่อน

 

นายอนุทิน เปิดเผยต่อว่า ในส่วนแผนการฉีดวัคซีน 13 ล้านโดสที่จะเข้ามาให้เดือนก.ค.-สค. นั้น จะฉีดให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังร้ายแรงที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงก่อน เพราะถ้าเราฉีดตรงนี้ได้ก็จะลดการเสียชีวิต ลดการป่วยหนัก ตรงนี้ก็จะช่วยลดการครองเตียง เพื่อจะได้เอาเตียงมาให้คนอื่นได้  สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่สหรัฐฯบริจาคให้ทางคณะกรรมการวัคซีน คณะกรรมการวิชาการจะเป็นคนพิจาณาว่าจะฉีดให้กลุ่มไหน จำนวนเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าคณะกรรมการที่รับผิดชอบจะพิจารณาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้อย่างแน่นอน

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"จ๊ะจ๋า แดนดาว" ชมความงดงาม "เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์" ทึ่งมีประวัติยาวนาน เป็นมรดกล้ำค่าคู่แผ่นดินไทยและโลก
ดีเดย์เคลียร์หนี้ "BTS" สภากทม.นัด 22 พ.ย. เคาะงบฯจ่ายเพิ่มเติม ปี 68
ตร.พบกระเป๋าต้องสงสัยใต้สะพานลอย สถานีรถไฟฟ้าศูนย์ราชการนนทบุรี เร่งหาเบาะแสมือดี ทำปชช.แตกตื่น
ศาลสั่งยึด "เทสลาขาว" ขับปาดไปมาบนทางด่วน คุก 1 เดือนปรับ 5 พันบาท
นักท่องเที่ยวจีนตื่นเต้นกับต้นฤดูหนาวที่เมืองโม่เหอ
จีนซัดชาติตะวันตกวิจารณ์ศาลฮ่องกง
ชายจีนขับรถพุ่งชนผู้คนที่หน้าโรงเรียนประถม
กลุ่มประเทศนอร์ดิกเตือนภัยรับมือสงคราม
"พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์" เผยกฎระเบียบ "ตร.ใหม่" ป้องกันตั๋วช้าง คัดสรรตำรวจเพื่อประชาชน
ชาวอสม.เฮ! “สมศักดิ์” เผยข่าวดี ปีหน้า “ธกส.” ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 6

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น