“ชูวิทย์” ร้องยธ. เดินหน้าลากคอ “ตู้ห่าว” ตัวการใหญ่ทุนจีนสีเทา ลั่นไม่กลัว “สันธนะ” สอบเอาผิดอาบอบนวด

"ชูวิทย์" ร้องยธ. เดินหน้าลากคอ "ตู้ห่าว" ตัวการใหญ่ทุนจีนสีเทา ลั่นไม่กลัว "สันธนะ" สอบเอาผิดอาบอบนวด

วันที่ 21 พ.ย. 65 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เดินทางเข้าพบ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อนำหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของนายตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทา ที่นายชูวิทย์เคยเปิดโปงไปแล้วก่อนหน้านี้ พร้อมเปิดเส้นทางการบินแบบผิดปกติของนายตู้ห่าว ให้ทางกระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปตรวจสอบ เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ

โดยนายชูวิทย์ บอกว่า วันนี้ที่ตนเองมาในฐานะพลเมืองที่อยากจะช่วยเหลือสังคม เพราะตนเองเห็นความผิดความชั่วร้ายของธุรกิจทุนจีนสีเทา โดยเฉพาะ “นายตู้ห่าว” ที่เป็นนายทุนจีนตัวการใหญ่ ทำให้ตนเองต้องนำข้อมูล ที่เป็นเอกสารทั้งเส้นทางการเงิน ข้อมูลกลุ่มนอมีนี และข้อมูลทรัพย์สินของนายตู้ห่าว ที่มีมูลค่ากว่า พันล้านบาท และตั้งข้อสังเกตว่านายตู้ห่าวนั้นเป็นแหล่งฟอกเงินของใครหรือไม่

 

 

ส่วนที่ว่าหลังจากนี้จะต้องการให้กระทรวงยุติธรรมคุ้มครองพยานหรือไม่ นายชูวิทย์ บอกว่า ตนเองไม่ต้องการที่จะให้คุ้มครองพยาน เพราะตนเองไม่กลัว และเคยผ่านความเป็นความตายมาก่อนหน้านี้

ในบางช่วงบางตอนของการแถลงข่าว นายชูวิทย์ บอกว่า มีผู้มีอิทธิพลให้ที่กบดาน “ตู้ห่าว” นายทุนจีนเทา ย้ำชัดยังอยู่ในประเทศไทย และยังไม่ถูกออกหมายจับ หักล้างกับข้อมูลที่ให้ข่าวว่า หนีออกนอกประเทศไปแล้วก่อนหน้านี้

ไม่เพียงเท่านั้น นายชูวิทย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ปัจจุปันนายตู้ห่าว หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และยังไม่มีการถูกออกหมายจับ หรือจับกุมมาดำเนินคดีแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่เป็นตัวการใหญ่ที่สุด ในกลุ่มนายทุนจีนสีเทา ซึ่งจากข้อมูลของตนเอง ก็เชื่อว่านายตู้ห่าว ยังคงอยู่ในประเทศไทย โดยกบดานอยู่กับผู้มีอิทธิพลชาวไทยรายหนึ่ง

เนื่องจากนายตู้ห่าวเป็นมาเฟียที่มีทรัพย์สินหลายพันล้าน และกุมความลับของผู้มีอิทธิพลนักการเมืองจำนวนมาก ที่นำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการทุจริต นำมาให้นายตู้ห่าวฟอกเงิน โดยการลงทุนในธุรกิจผิดกฎหมาย หากนายตู้ห่าวถูกจับกุม ข้อมูลดังกล่าวก็อาจจะถูกเปิดเผย และส่งผลกับผู้ที่มีส่วนได้เสียในครั้งนี้

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนหลานชายของนายตู้ห่าว มีข้อมูลว่าได้หลบหนีไปแล้ว นายชูวิทย์ บอกอีกว่า จากเบาะแสเกี่ยวกับเครื่องบินเจ็ตของนายตู้ห่าว พบว่าเครื่องบินเจ็ตลำดังกล่าวจอดอยู่ที่ Sunny604 หรือศูนย์ฝึกบินพลเรือน หรือมีชื่อเรียกขานกันว่า “ฝูงบินเศรษฐี” ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้าม จะต้องได้รับอนุญาต แต่กลับจอดได้โดยไม่มีใบอนุญาต PPL จนกระทั่งวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่าคนขับเครื่องบินอักษรย่อ ต. ได้นำเครื่องบินไปจอดที่หัวหินและภูเก็ต โดยอ้างว่านำไปซ่อมบำรุง เพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบว่าและใครเป็นคนอนุญาตให้จอดไว้ที่เขตหวงห้ามดังกล่าว

 

 

ซึ่งนายชูวิทย์บอกว่า การตัดสินใจเดินทางมายังกระทรวงยุติธรรมในวันนี้เพื่อนำหลักฐาน เกี่ยวกับเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สินของนายตู้ห่าวบางส่วน เช่น บัญชีธนาคาร เส้นทางการเงิน รถโรลส์-รอยซ์ และอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่ง รวมมูลค่าหลายพันล้านบาท อีกทั้งพบว่าใช้ชื่อนอมินีที่เป็นญาติของนายตู้ห่าวมาเป็นเจ้าของ โดยตนเองเคยมอบให้กับนายตำรวจระดังสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เรื่องก็เงียบ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคนที่มีอำนาจและอิทธิพล ทั้งนี้เพื่อเร่งรัดไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แต่หากตำรวจยังล่าช้า ทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้อาจถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่อื่นได้ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ

 

 

ส่วนกรณีที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ที่จะมายื่นหนังสือให้กระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบการเสียภาษีธุรกิจอาบอบนวดของนายชูวิทย์ ในช่วงบ่ายนี้นั้น ทางนายชูวิทย์ กล่าวว่าไม่กลัวและยินดีที่จะให้ตรวจสอบ เพราะธุรกิจอาบอบนวดของตนเองนั้นได้ขายไปหมดแล้ว และไม่รู้ว่าจะอยากตรวจสอบไปทำไม

สำหรับพรุ่งนี้ที่ตนเองจะไปฟ้องศาลอาญา ไปฟ้อง นายสันธนะ ในกรณีที่ นายสันธนะกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญาและจะไปห้องศาลแพ่งในวันเดียวกัน ซึ่งจะเรียกค่าเสียหาย จำนวน 100 ล้านบาท และบอกว่านี่เป็นครั้งแรก ที่ตนเองเป็นโจทย์ในการฟ้องคดี นอกจากนี้ มีการรายงานข่าวว่า นายสันธนะ ท้าทายให้นายชูวิทย์ อยู่รอตนเองในช่วงบ่าย ซึ่งนายชูวิทย์ ได้กล่าวว่าไม่รอให้เสียเวลา เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก เช่นที่ศาล หรือที่อื่น ขืนรออยู่อาจจะได้มีการ ตบกบาลก็เป็นได้

และในวันพุธที่ 23 พฤศจิกายน ตนเองจะไปรัฐสภาฯ เพื่อยื่นเรื่องถึงข้อมูลให้กับ ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และจะเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับนายสันธนะ ที่ตนเองมองว่า เป็นแค่จิ๊กโก๋ปากซอย และยังถูกไล่ออกจากราชการ แต่กลับไปฟ้องร้องผู้อื่นไปทั่ว

 

 

ขณะที่ตนเองพร้อมเชื่อ การที่ตนเองนำข้อมูลมาให้กระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอ เพราะเขื่อว่ามีความโปร่งใส และยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับใคร แต่อยากจะที่จะให้หน่วยงานตรวจสอบ

ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยว่าเบื้องต้นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมข้อมูลว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่

โดยวันนี้มีได้หมอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ พิจารณาตามเงื่อนไข ว่ามีการฟอกเงิน การประกอบธุรกิจในบุคคลต่างด้าว การประมูลงานของรัฐ กับกลุ่มนายทุนจีน ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในการแสวงหาหลักฐาน

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น