วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 เวลา 8.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ Enhancing Trade Facilitation for Thailand Competitiveness : เปิดการค้าไทย มิติใหม่สู่สากล ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ค่ำวานนี้(26 พ.ย.65) ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งภายในงานมีประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมด้วย
โดยนายจุรินทร์ได้กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าโลกและประเทศไทยยังเผชิญปัญหาและสิ่งท้าทาย อย่างน้อย 4 เรื่อง 1. ปัญหาโควิด 2.ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ 3.ปัญหาการกีดกันทางการค้า 4. การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
เรื่องแรกปัญหาโควิด จากการติดตามสถานการณ์ โควิดยังต้องอยู่กับเราต่อไป ไม่มีใครสรุปได้ว่าจบเมื่อไหร่ เรื่องที่สองความร้อนแรงของภูมิรัฐศาสตร์ เชื่อว่าจากนี้จะร้อนแรงขึ้น คือการเอาการเมืองกับเศรษฐกิจมารวมกัน แบ่งขั้วแบ่งค่าย บังคับให้ประเทศต่างๆต้องเลือกข้าง ทำให้เกิดมวยยักษ์สองคู่ คือ 1) รัสเซีย-ยุโรป เป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เกิดวิกฤติอาหาร-พลังงาน 2) สหรัฐฯ-จีน ในทางเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลให้เกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทาน วัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลายตัวทั้งโลกทั้งห่วงโซ่อาหาร เซมิคอนดักเตอร์ส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เกิดการตั้งวงหาพวก จีนมีวง RCEP ที่เป็นวงใหญ่ สหรัฐฯเคยใช้วง CPTPP ต่อมาถอนตัวและมาตั้งวงใหม่ คือ อินโด-แปซิฟิก ตอนคิดว่าวง CPTPP มีแนวโน้มที่สหรัฐฯจะทิ้งวงนี้ และวงใหม่จะทวีความสำคัญขึ้น เป็นโจทก์ว่าต้องทำอย่างไร แต่ประเทศไทยยังอยู่ทั้ง 2 วง ทั้ง RCEP ที่ตนเคยเป็นประธานในที่ประชุมจนประสบความสำเร็จ และวงของสหรัฐฯ อินโด-แปซิฟิก ล่าสุดเราประกาศเข้าร่วม และตอนช่วงประชุมเอเปคได้มีโอกาสพบกับ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ(USTR) ได้เจรจาทวิภาคีเห็นความพยายามในการเร่งเครื่องอินโด-แปซิฟิก และพยายามหาพันธมิตรเพิ่มเติม กำหนดกฎกติกาเพิ่มเติม เพื่อให้เอกชนพอทราบว่าเป็นอย่างไร จะจับมือกับรัฐบาลเดินหน้าเข้าวงไหน เพราะบางกลุ่มยังอยากเดินหน้า CPTPP อยู่ อย่างน้อยในการประชุมเอเปค สะท้อนให้เห็นว่าเรามีพันธมิตรใหม่เพิ่มเติมที่น่าจะเป็นที่พึ่งได้ในอนาคตคือซาอุดิอาระเบีย เป็นตลาดใหญ่ทั้งการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวของประเทศไทยและซาอุฯ และการหารือเต็มคณะตนมีส่วนเข้าร่วมประชุมมีหลายมุมที่เห็นความกระตือรือร้นร่วมมือกันทั้ง 3 ด้าน ซาอุฯจะเป็นที่พึ่งสำคัญของเราอีกที่พึ่งหนึ่ง และไทยก็เป็นที่พึ่งสำคัญของซาอุฯอีกประเทศหนึ่งด้วย
ประเทศไทยคงต้องแสดงจุดยืนให้มีความชัดเจนว่าจะใช้ภูมิรัฐศาสตร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเราอย่างไร อย่างน้อยเราอยู่ในวงอาเซียนต้องจับมือกับอาเซียนให้แน่นหนาเข้มแข็ง และเรามีโอกาสอยู่ทั้ง 2 วง เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดกับประเทศของเราในทางเศรษฐกิจ