วันที่ 31 มี.ค.-นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ข้อความว่า หยุดบิดเบือนให้ร้ายศาลยุติธรรม จากกรณีที่มีการแชร์ข้อความพาดพิงถึงการประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ทำนองว่าที่ประชุมศาลไม่ไว้วางใจประธานศาลฎีกาที่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับเรื่องการประกันตัวคดีความผิดตาม ป.อาญา ม.112 นั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มี.ค.64 นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า การประชุมใหญ่ของศาลฎีกามีวาระพิจารณาอยู่ 2 ประเภทคือ ภารกิจตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งในการประชุมใหญ่ที่มีการกล่าวว่าเป็นการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น จะเป็นครั้งล่าสุดที่มีการกำหนดวาระการประชุมไว้เพียง 2 วาระคือ การพิจารณาคัดเลือกกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2564 และการพิจารณาข้อกฎหมายในคดีที่จะต้องอาศัยการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยมีผู้พิพากษาที่ปฏิบัติงานในศาลฎีกาเข้าประชุม 245 คน
ส่วนผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่อาจเข้าร่วมประชุมได้และเป็นการประชุมลับ ซึ่งไม่มีการพูดคุยหรือหารือเกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด และไม่มีการลงมติในเรื่องอื่นใดอีกทั้งสิ้น ดังนั้นที่มีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลจึงไม่เป็นความจริง เป็นการบิดเบือนและให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้ศาลเป็นคู่กรณีกับฝ่ายต่างๆ
นายเชาว์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ปล่อยข่าวเท็จก็คือนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งปัจจุบันหลบหนีอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งคนที่ติดตามด้วยความเป็นกลางก็พอจะทราบว่าทุกประเด็นของนายสมศักดิ์ล้วนแต่เป็นเรื่องบิดเบือนยุยงปลุกปั่นให้เยาวชนเกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์และตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป้ามาที่ศาลยุติธรรม ตนคิดว่าคำชี้แจงของโฆษกศาลยุติธรรมน่าจะแจ้งชัดแล้ว และในฐานะทนายความรู้สึกสลดใจทุกครั้งที่ศาลถูกตั้งคำถามถึงความเป็นสองมาตราฐาน โดยเฉพาะกรณีไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำม็อบราษฎร เนื่องจากผู้ต้องหาไปกระทำความผิดซ้ำกันหลายครั้ง ซึ่งศาลเคยให้โอกาสปล่อยตัวชั่วคราวหลายครั้งแล้ว ศาลจึงจำเป็นต้องใช้ดุลพินิจอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันส่วนได้เสียของสังคม โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำย่ำยีมาโดยตลอด คำสั่งศาลจึงชอบธรรมแล้ว
อดีตรองโหษกปชป. กล่าวต่อว่า การพุ่งเป้ามาโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรมของนายสมศักดิ์กับพวกเริ่มปรากฎถี่ขึ้นเพราะเห็นว่าม็อบเริ่มมอดลงเต็มที หลักจากแกนนำถูกจับกุมดำเนินคดีและไม่ได้ประกันตัว เพื่อดึงศาลมาเป็นคู่ขัดแย้ง หวังจะปลุกม็อบขึ้นอีกครั้ง จึงขอเตือนกลุ่มม็อบราษฎรด้วยความหวังดี อย่าหลงตกเป็นเครื่องมือของนายสมศักดิ์ซึ่งไม่มีตัวตนเปรียบเสมือนวิญญาณไร้ป่าช้า ไม่ต้องรับผิดในการกระทำ แต่หลอกใช้เด็กให้ติดคุกแทนอย่างเลือดเย็น อย่าใช้การเรียกร้องความยุติธรรม มาทำผิดกฏหมาย มิฉะนั้นจะกลายเป็นผู้ต้องหาเข้าไปอยู่ในคุกโดยไม่จำเป็น