เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่27 ก.ค. 2564 ที่ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ นพ.ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร ตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมด้วย กลุ่มหมอไม่ทน , ภาคีบุคลากรสาธารณสุข , Nurses Connect, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA-Thailand) และ DNA บุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัคร เดินทางมายื่นหนังสือเปิดผนึกจากเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ ถึง นายไมเคิล ฮีธ อุปทูต รักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กรณี กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ มีความกังวลต่อ วัคซีน Pfizer (ไฟเซอร์) 1.54 ล้านโดส ที่สหรัฐ ได้จัดสรรบริจาคให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของไทย และหาแนวทางในการผลักดันให้เกิดความโปร่งใส เพื่อให้วัคซีนดังกล่าวถึงบุคลากรด่านหน้า และประชาชนกลุ่มเสี่ยงอย่างแท้จริง
วันที่27 ก.ค. 2564 ที่ หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา นพ.ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ประกอบด้วย กลุ่มหมอไม่ทน , ภาคีบุคลากรสาธารณสุข , Nurses Connect, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA-Thailand) และ DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร เดินทางมายื่นหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา เรื่องความโปร่งใสในการกระจายวัคซีน Pfizer ที่จะเข้ามา ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564
โดยเนื้อหาในหนังสือ ระบุถึง ความกังวลต่อรัฐบาลที่จะจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กับประชาชนนั้น จะมีรายละเอียดอย่างไร อาจจะเอื้อให้เกิดช่องว่าง ที่ทำให้ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ทางกลุ่มจึง ขอให้รัฐบาลสหรัฐ ได้ทราบถึงข้อกังวลดังกล่าว และหาแนวทาง ในการผลักดันให้เกิดความโปร่งใส และยุติธรรมมากที่สุด เพื่อที่ให้บุคคลที่มีความเสี่ยง เช่น บุคลากรทางการแพทย์ หรือ กลุ่มบุคคลเปราะบาง ได้รับการฉีดเป็นอันดับแรก และเพื่อให้วัคซีนดังกล่าว ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนของกลุ่มคน ที่ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ ของประเทศเป็นสำคัญ
ด้าน นพ.ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ ได้รับทราบข่าวว่า สหรัฐ จะมีการบริจาค วัคซีน mRNA จำนวน 1.5 ล้านโดส ให้กับประเทศไทย ท่ามกลางข่าวลือต่าง ๆ ทางกลุ่มจึงมีเป้าประสงค์ที่จะเรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนนี้ให้กับกลุ่มคนผู้สูงอายุและบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอันดับแรกและชวนสังคม จับตาดูความโปร่งใสของการกระจายวัคซีน ซึ่งวันนี้ได้ให้สถานทูต รับทราบความกังวลของทางกลุ่ม และทางสถานทูต ได้รับฟังซึ่งทางกลุ่มต้องการเห็นความชัดเจนของการกระจายวัคซีน เพื่อไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ผู้สูงอายุตกหล่นในการฉีดวัคซีนดังกล่าว ทั้งนี้ ทางกลุ่มจะจับตาแผนการกระจายวัคซีนต่อไป หากมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ทางกลุ่มก็จะขอให้ทุกท่านได้ติดตามความเคลื่อนไหวอีกครั้ง