รัฐสภาของออสเตรเลียตำหนินายสก็อตต์ มอร์ริสัน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แอบแต่งตั้งตัวเองให้ดำรงตำแหน่งในกระทรวงสำคัญหลายกระทรวง ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมติ 86 ต่อ 50 คะแนนกล่าวว่า การกระทำของมอร์ริสัน ทำลายความเชื่อมั่นของสาธารณะ ในระบอบประชาธิปไตยของออสเตรเลีย นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย ที่อดีตนายกรัฐมนตรีถูกสภาผู้แทนราษฎรตำหนิอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มอร์ริสันยังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 5 กระทรวง ได้แก่กระทรวงการคลัง, กระทรวงกิจการภายใน, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม, และกระทรวงการเกษตร โดยไม่มีการเปิดเผยกับสาธารณชน และรัฐมนตรีในขณะนั้น
ในการอภิปรายที่รัฐสภาครั้งนี้ มอร์ริสันเข้ารับฟังด้วยอาการเรียบเฉย และได้ทำการปกป้องตนเองว่า ตนรับทราบว่าการไม่เปิดเผย ทำให้เกิดความผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ และขอแสดงการขอโทษต่อผู้ที่ไม่พอใจ แต่ตนจะไม่ขอโทษสำหรับการกระทำใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่เป็นไปอย่างรอบคอบ ในขณะที่ประเทศเผชิญวิกฤตการณ์ เพราะเป็นการทำไปเพื่อรักษาชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งนี้ ตนจะไม่ยอมจำนนต่อการข่มขู่ทางการเมืองของรัฐบาลนี้ ที่ใช้ตัวเลขตรงนี้ มากำหนดผลของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
ด้านนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน นายแอนโธนี อัลบานีส ได้กล่าวว่า การตำหนิครั้งนี้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าเศร้าอย่างที่สุด ของรัฐสภาออสเตรเลีย เรื่องนี้เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ และบ่อนทำลายประชาธิปไตยของชาติ ซึ่งมอร์ริสันต้องทำการขอโทษชาวออสเตรเลีย ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้าการประชุมสภา อัลบานีสได้ส่งสัญญาณว่า รัฐสภาจะพยายามเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่า การแต่งตั้งรัฐมนตรีครั้งต่อๆไป จะต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน
ในการไต่สวนที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้ ทางอดีตผู้พิพากษาศาลสูงออสเตรเลียระบุว่า การกระทำของมอร์ริสัน เป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล และได้แนะนำให้มีการปฏิรูป รวมถึงอุดช่องโหว่หลายจุดที่ทำให้การแต่งตั้งรัฐมนตรียังคงเป็นความลับได้ และสำหรับเรื่องนี้ แม้จะทำความไม่พอใจ และนำมาซึ่งการวิจารณ์อย่างรุนแรง แต่สุดท้าย การกระทำของมอร์ริสันก็ถูกตัดสินว่าไม่ผิดกฎหมาย