เพจเฟซบุ๊ก “หมอแม่สอด” โพสต์ข้อความระบุถึงสถานการณ์ “โควิด-19” ว่า อีกหนึ่งเรื่องราวที่อยากเล่าสู่กันฟัง ให้เป็นข้อคิดเตือนตัวและหัวใจ ในช่วงที่มองไปทางไหนก็น่ากังวลนี้ อย่างที่หมอเคยกล่าวไว้ว่า “เรากำลังเข้าสู่จุดที่น่ากลัวที่สุด”
ไม่นานมานี้ เราพบคลัสเตอร์ที่ดูเหมือนก็ธรรมดาทั่วไป แต่มีอะไรในกอไผ่ในแม่สอดของเรา เรียกว่า First case จุดตั้งต้นของคลัสเตอร์นี้มาจากคนไข้คนหนึ่งที่มีอาการเล็กน้อย เข้ามาตรวจที่ ARI Clinic แล้วพบว่าติดเชื้อโควิด ทีมสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 ราย ผลเป็นบวก (ติดเชื้อ) 7 ราย ในจำนวนนั้นมีผู้สัมผัสใกล้ชิดมาก ๆ คือคนในครอบครัว เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ขยายไปยังเพื่อนร่วมงาน
อีกทั้งเรื่องไม่ได้จบแค่นั้น ในกลุ่มเพื่อนร่วมงานยังพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (เรียกได้ว่าเป็นวงที่ 2) มากอีกถึง 12 ราย พบว่าผลบวกอีก 4 ราย ก็ยังเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดมากอย่างคนในครอบครัวอีกครั้ง 1 ใน 4 ที่บวกของวง 2 นั้น ยังพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต่ออีก 3 ราย (พบผลบวกอีก 1 ราย) วงซ้อนวงซ้อนวงไปอีก จนล่าสุดเพื่อนร่วมงานผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 23 ราย พบผลบวก 4 ราย ฟังแล้วสับสนอลหม่านมากเลย ต้องบอกว่ารอบนี้ติดง่าย ติดทีเป็นทั้งบ้าน คนหนุ่มสาวก็ปอดอักเสบกันเยอะ ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว อาการก็รุนแรง
ขณะเดียวกัน ปัจจัยเสี่ยงที่พบอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ คนในครอบครัวไม่มีการป้องกันตามมาตรการ DMHTT ไม่ได้รักษาระยะห่าง “เฝ้าระวังบุคคลภายนอก แต่ไม่ได้เฝ้าระวังคนในครอบครัว” มีการรับประทานอาหารร่วมกัน สัมผัสใกล้ชิด ไม่สวมหน้ากากอนามัย และหยิบจับสิ่งของไม่ล้างมือ และสำหรับบางท่านที่บ้านมีลูกน้อง คนงานชาวต่างชาติ ช่วงนี้อาจจะให้เขาถือโอกาสได้พัก work from home บ้านใครบ้านมันไปก่อนเป็นดีนะ เราอาจต้องเปลี่ยนพฤติกรรม หรือวิถีชีวิตช่วงนี้กันอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
นอกจากนี้ อีกจุดที่ควรระวัง คือในกลุ่มคนไข้ติดเตียง ซึ่งผู้ดูแลจะต้องถูกเข้มงวดเป็นพิเศษกว่าปกติ เพราะจะเป็นผู้นำเชื้อมาสู่ผู้ป่วยติดเตียงได้ แนะนำว่าหากผู้ดูแลพักอยู่ข้างนอกในชุมชนอื่น ๆ ยิ่งมีโอกาสเสี่ยง ดังนั้นเจ้าของบ้านก็ควรป้องกันเคร่งครัด มีวินัยในตนเองด้วย สู้กันอีกอึดใจ ยังเชื่อว่าหากพวกเราทุกคนช่วยกันเราจะผ่านพ้นจุดที่น่ากลัวนี้ไปได้ด้วยดี “พึงระลึกไว้เสมอว่าทุกที่ไม่ใช่ safe zone อีกต่อไป เพราะทุกวันเต็มไปด้วยความเสี่ยงแสนอันตราย เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน”