วันที่ 2 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวัฒน์ วงศ์อารีย์สันติ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ในนามประธานจัดงานเสาหลักเมืองสุรินทร์ ประจำปี 2565 ได้เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับมูลนิธิฯ พ่อค้า ประชาชน สถานบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ได้กำหนดจัดงานเสาหลักเมืองสุรินทร์ โดยกำหนดจัดขึ้นทุกวันที่ 5 ธันวาคม ในทุกปี โดยแต่ละปีได้เชิญองค์กร มูลนิธิต่างๆในจังหวัดสุรินทร์เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการจัดกิจกรรม โดยใช้บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จาง เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมในแต่ละครั้ง
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมภายในงานเสาหลักเมืองสุรินทร์ ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากลั่นกรองบุคลคล ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ หรือ เป็นบุคคลที่เกิดในจังหวัดสุรินทร์ ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศ หรือ จังหวัดสุรินทร์ หรือ ชุมชนในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ทั้งจากหน่วยงาน อำเภอทุกอำเภอ ทุกสาขาอาชีพ เข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติในการทำคุณงามความดีในครั้งนี้ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเอื้อเฟื้อและเป็นแบบอย่างที่ดีต่ออนุชนรุ่นหลัง ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดสุรินทร์ ผู้ประกอบการสภาอุตสาหกรรม หอการค้างจังหวัดสุรินทร์ ผู้นำเศรษฐกิจ พ่อค้า ชาวตลาดและประชาชนทุกสาขาอาชีพได้พร้อมใจจัดโรงทานกันอย่างมากมาย คาดว่าไม่น้อยกว่า 200 โรงทาน จึงขอเชิญชวนชาวสุรินทร์ทุกท่านร่วมกิจกรรม งานเสาหลักเมืองสุรินทร์ 5 ธันวาคมนี้
ด้าน ส.ส.ปกรณ์ มุ่งเจริญพร นายกสมาคมมวยไทยอาชีพภาคอีสาน กล่าวว่า การจัดกิจกรรมงานเสาหลักเมืองสุรินทร์ ครั้งนี้เป็นครั้ง 5 แล้ว ซึ่งตนเองเป็นผู้ริเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนได้ทำความดี จนเป็นที่ยอมรับและยกย่อง สมควรได้รับรางวัลเป็นบุคคลต้นแบบในการกระทำความดี เพื่อเป็นแบบอย่างให้ลูกหลานได้เห็นในคุณงามความดีสืบไป ทางสมาคมฯได้จัดให้มีการแข่งขันชกมวยไทยขึ้น ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ภายหลังจากพี่น้องทุกหมู่เหล่าได้รับรางวัลเสาหลักเมืองสุรินทร์ โดยใช้ชื่อว่า “ศึกต้นกล้าสุรินทร์ เลิศล้ำศิลปะมวยไทย เชิดชูเกียรติ เสาหลักเมืองสุรินทร์” ทำการชกให้ชมฟรี ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแสดงจากสถานศึกษาในจังหวัดสุรินทร์ และการจัดฉายภาพยนตร์สุรินทร์กลางแปลงให้ชาวสุรินทร์ได้ชมอีกด้วย.
ทีมข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์