พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด 12 จังหวัด ยกเว้น กทม. ผ่านระบบแอปพลิเคชัน ZOOM จากบ้านพัก เพื่อหารือถึงแนวทางการรับมือกับการแพร่ระบาดโควิด 19 รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย การตั้งโรงพยาบาลสนามต่างๆ รวมทั้งการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข / พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมประชุมในครั้งนี้
ในที่ประชุม นายกฯ ย้ำให้แต่ละจังหวัดนำเสนอปัญหา ข้อติดขัดหรืออุปสรรค เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาได้ทันที รวมถึงให้แต่ละจังหวัด เฝ้าระวังการระบาดข้ามจังหวัด โดยจะต้องมีระบบ bubble and seal โรงงานและที่พักแรงงาน เช่น จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งพบกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ หรือ คลัสเตอร์โรงงานเป็นแหล่งระบาดหนัก ส่วนที่มีคนงานเดินทางข้ามจังหวัดมา เช่นจังหวัด สมุทรปราการ ให้ใช้มาตรการฉีดวัคซีน จัดหาที่พัก รวมถึงมีมาตรการจนไปถึงระดับสูงสุดคือปิด 14 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และให้แต่ละจังหวัดเพิ่มเตียงให้เพียงพอ และมีส่วนภาคต่างๆเข้าร่วมสนับสนุน โดยการเพิ่มเตียงผู้ป่วยสีแดง ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมาดไทย รวบรวม ข้อเสนอ และเสนอไปยัง กระทรวงสาธารณสุข
ขณะเดียวกัน กำชับให้มีการตรวจเชื้อเชิงรุก ด้วยอุปกรณ์การตรวจเชื้อโควิด 19 หรือ ATK หรือชุดตรวจไว เพื่อความรวดเร็ว หากพบผลบวก ก็เข้าสู่การรักษา เพื่อนำไปสู่การตรวจเชื้อแบบ ptpcr อีกรอบ โดยนายกฯกังวลสถานที่ตรวจของเอกชน ตรวจแล้วไม่สามารถส่งผู้ป่วยต่อได้ โดยให้ไปแก้ปัญหาดังกล่าวมา พร้อมสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการใช้ชุดตรวจไว ด้วย ขณะเดียวให้มีการประเมินสถานการณ์ แต่ละสัปดาห์ รวมถึงรายงานคนที่หายป่วย สำรวจจะเหลือเตียงเท่าไร ที่สำคัญให้ไปดูแลผู้ที่อาศัยในบ้านจัดสรร สำรวจ เพื่อให้มีการติดเชื้อ พร้อมกันนี้กำชับ ให้แต่ละจังกวัดแลกเปลี่ยนประสบการณ์แก้ปัญหา เพื่อจะได้นำสิ่งที่แก้ไขได้ไปใช้ในจังหวัดตนเอง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวชื่นชมด้วยว่า ขณะนี้ไม่มีข้อขัดแย้งระหว่างศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 กับสาธารณสุขจังหวัด เชื่อว่าการทำงานร่วมกันได้ดีเป็นอย่างราบรื่น ซึ่งขั้นตอนการทำงานคือ แต่ละภารกิจมีคณะกรรมการรับผิดชอบ นำเสนอมายัง ศบค และ ตนเอง ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.ก็จะ ตัดสินใจ เหล่านี้คือขั้นตอนของการทำงาน ซึ่งหวังว่า จากหลักฐานทางการแพทย์ สถานการณ์จะดีขึ้นใน 4-6 สัปดาห์ ทั้งนี้ แม้สถานการณ์อาจจะยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน แต่จะพยายามควบคุม ให้ดีที่สุด โดยให้ดูสถานการณ์โลกด้วย แล้วทุกคนจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น