ถอดบทเรียนคึกฤทธิ์​ เตือนสติประยุท​ธ์​

บิ๊กตู่แบไต๋ไปต่อทางการเมือง ขอเวลาอีก ๒ ปีหมดทางเลื่อนปี ๖๘  ตั้งเป้าทำทุกอย่างให้ดีที่สุด  ไปต่อไม่ยาก แต่จะไปยังไง ไปได้หรือไม่  อันนี้ลำบาก  เพราะรวมไทยสร้างชาติไม่มีทางมาที่ ๑ ในพรรคขั้วฝ่ายรัฐบาล กระแสบิ๊กตู่ช่วยให้ตายยังไงก็พ่ายภูมิใจไทยของเสี่ยหนู  สมมุติตกลงกันจบเป็นนายกฯคนละครึ่ง  เป็นสร.๑ สมัยที่ ๓ ก็โคตรยาก บริหารประเทศภายหน้าก็ลำบาก  ถอดบทเรียน “คึกฤทธิ์  เตือนสติบิ๊กตู่”    หลังซือแป๋ซอยสวนพลู นำ ๑๘ ส.ส. พรรคเล็กกิจสังคม ผงาดเป็นรัฐบาลนั่งนายกฯคนที่ ๑๓ บันทึกประวัติศาตร์การเมือง  แต่ตลอดทางถูกพรรคใหญ่บีบคอ  เกิดปัญหาสารพัดวุ่นวายไม่หยุดหย่อน  อยู่ปีเศษก็แยกย้าย  บทสรุปส่งท้ายต้องยุบสภาผ่าทางตัน

หลังอมพะนำ ยึกๆยักๆ  เรื่องอนาคตทางการเมืองอยู่นาน ล่าสุดหลังการประชุมครม.วานนี้ ( ๖ ธ.ค. ๒๕๖๕)   “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ก็ออกมาแบไต๋อนาคตทางการเมืองของตัวเองออกมาแล้ว  หลังถูกกองทัพสื่อเทียวไล้เทียวขื่อไล่ถามกันนานนับเดือน    ล่าสุดถูกสื่อทักว่าตั้งเป้าหมายการทำงานในปีหน้าอย่างไร   บิ๊กตู่ก็พูดออกมาชัด    “ ผมก็อยู่ ถ้าสมมุติว่าต้องอยู่ ก็อยู่ได้แค่ปี ๖๘  นั่นแหละ ….ถึงวันนี้ก็น่าจะพอรู้มั้ง  ….. ก็ ๒ ปี ก็จะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด และจากนั้นต่อมาก็จะมีคนใหม่ที่เหมาะสม ที่ประชาชนยอมรับ และทำต่อแค่นั้นเอง” บิ๊กตู่ระบุ  ก่อนตอบคำถามข่าวเรื่องไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  ในทำนองว่า  “เดี๋ยวค่อยพูด”  ที่แน่นอนว่าอีกไม่นานคงจะหาเวลาและจังหวะเหมาะๆ พูดอธิบายเรื่องนี้ให้คนไทยและแฟนคลับได้ฟังความในใจกันยาวๆ

บิ๊กตู่ยังไม่เคยหลุดปากว่าจะไปพรรคไหน  แต่ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เปิดตัวหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่อย่าง “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตรองนายกฯ รมว.พาณิชย์ รมว.อุตสาหกรรมสมัยสมัคร สุนทรเวช  แต่งานนี้มีเซอร์ไพรส์เพราะเจ๊มิ่งใฝ่สูง  ประกาศขอเคลมตำแหน่ง “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคพลังประชารัฐ  แถมเอาความในมาไขว่าลุงป้อมรับปากแล้วว่าจะเสนอเรื่องนี้ให้กก.บห.พิจารณา  งานนี้ทำเอาแกนนำเบอร์ใหญ่ๆของพรรค อาทิ  สันติ สมศักดิ์ วิรัช ไพบูลย์  ฯลฯ  สั่นกันทั้งพรรค  เพราะไม่คิดว่าคนมาหลังอย่างเจ๊มิ่งจะมั่นหน้า คิดการใหญ่ถึงเพียงนี้  แถมระหว่างแถลงข่าวยังบอกเหตุผลที่ย้ายมาพรรคนี้ว่าเพราะพล.อ.ประยุทธ์ออกจากพรรคแล้ว  แถมระหว่างแถลงข่าวเปิดตัวก็พูดแซะนายกฯพูดแขวะบิ๊กตู่ไปเรื่อยๆ ท่ามกลางบรรดารมต.เรือแป๊ะที่ทำงานแวดล้อมบิ๊กตู่  ความจริงประเด็นบิ๊กตู่ทิ้งพรรคพลังประชารัฐ  สังคมก็รับรู้กันไปทั่วแต่การที่เจ๊มิ่งเอามาพูดตีกินโชว์เหนือแบบนี้  ทั้งๆที่บิ๊กตู่ก็ยังไม่เคยพูดออกมาสักแอ๊ะ  ฝ่ายพลังประชารัฐก็ยังไม่มีใครออกมาแถลงเลย  เจ๊มิ่งจะกระเหี้ยนกระหือรือโชว์อวดดีไปถึงไหน  เพิ่งเข้ามาอยู่พรรคใหม่แท้ๆแต่วางกล้ามโตตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเข้ามาในบ้าน  โอหังยะโสอย่างเจ๊มิ่งแบบนี้ไงถึงได้ถูกนายห้างอย่างทักษิณโดนนายหญิงอย่างคุณหญิงพจมานเฉดหัวถีบพ้นพรรคออกมาแบบไร้ราคา ลุงป้อมรับเจ๊มิ่งเข้าพรรค คอการเมืองมีแต่หัวเราะจนฟันหัก  เพราะในวงการใครก็รู้  “เก่งแต่พีอาร์- ราคาไม่มี”  อยู่พรรคไหนไปกับใครไม่ได้นาน  รับปากเขาไปทั่วแต่ถึงเวลาจริงก็ทิ้งเขาหมด ทำการเมืองเอาตัวรอดแบบ “ เต้พระราม ๗” ว่า  อนาคตคอยดูชะตากรรมพรรคพลังประชารัฐในมือเจ๊มิ่งจะ “รุ่ง” หรือ “ทรุด” ก็ค่อยว่ากัน

กลับมาที่เรื่องของบิ๊กตู่หลังเปิดใจไปต่อการเมืองแน่นอน บวกลบคูหารยังเหลือเวลาอีก ๒ ปีเศษ กว่าจะครบวาระนายกฯ ๘ ปี ในปี ๒๕๖๘   เรื่องนั้นใครก็พอจะเดาออก แต่ที่คนไทยอยากรู้คือจะไปต่อแบบไหน  จะไปยังไง และ จะไปรอดไหม  อันนี้ต่างหากที่เป็นประเด็นที่คนไทยอยากรู้  อย่าลืมว่าอนาคตในการเลือกตั้งทั่วไปเที่ยวหน้า ในปี ๒๕๖๖  บิ๊กตู่ไม่มีทางมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่กวาดส.ส.หลักร้อยคนขึ้นไปแบบพรรคพลังประชารัฐมาสนับสนุนแน่นอน  เพราะพรรคใหม่ที่บิ๊กตู่จะไปอยู่อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติเต็มที่ถ้าได้ส.ส.มาก็แค่ ๓๕- ๔๐ คน เกจิการเมืองคนวงในที่ตามติดเรื่องนี้มาตั้งแต่หัวดำยันหัวหอก  คลุกคลีกับนักการเมืองทุกขั้วคุยกับนักการเมืองทุกกลุ่ม  ประเมินจากข้อมูลแวดล้อมทุกด้านฟันธงลงมา   ขั้วพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเดิมจะเปลี่ยนผู้นำกลุ่มจากพลังประชารัฐของลุงป้อม รอบหน้าผู้นำก๊วนจะเปลี่ยนมือไปอยู่ที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยแทน เที่ยวหน้าอย่างต่ำมีส.ส.แน่นอน ๘๐ คนขึ้นไป   ต่อด้วยพรรคสีฟ้าประชาธิปัตย์ ที่ได้ ๓ คีย์แมนยุคนี้อย่าง “จุรินทร์-เฉลิมชัย-นิพนธ์” กอบกู้พรรค อย่างต่ำน่าจะได้ส.ส.ราว ๖๐ คน  ขณะที่พรรคพลังประชารัฐของลุงป้อมพอแยกทางกันเดินกับบิ๊กตู่  จากพรรคหลักร้อยเหลือเต็มที่ไม่ถึง ๕๐ คน  ได้ส.ส.กลับมาสัก ๔๐ คนก็บุญโขแล้ว ตอนนี้ลุงป้อมพยายามรักษา “บ้านใหญ่” ที่มีในมือทุกจังหวัด  แต่ก็มีข่าวว่ากำลังถูกคอกโทนี่ไล่บี้หนักหวังดูดกลับคืนในทุกจังหวัด นอกจากนี้ยังมีพรรคเล็กๆอย่าง พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคสร้างอนาคตไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคพลังท้องถิ่นไทย พรรคไทยภักดี ฯลฯ  พวกนี้รวมกันอาจจะได้ส.ส.สัก ๒๐-๓๐ คน  บวกลบคูณหารฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิมอย่างต่ำจะได้ ๒๓๕ -๒๔๐ คน  เพราะฉะนั้นก็ต้องไปลุ้นว่าเมื่อถึงเวลาจริงจะได้บวกๆเพิ่มพรรคละเท่าไหร่  ไม่อยากนั้นก็อ่วมอรทัยในการจัดตั้งรัฐบาลแน่  เพราะคะแนนจะใกล้เคียงกับฝ่ายเพื่อไทย ที่มีก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ  ฯลฯ  แม้จะมีส.ว. ๒๕๐ คนหนุนหลัง แต่ถ้าได้ส.ส.ไม่มากพอ ส.ว.ก็คงไม่กล้าหลับหูหลับตาช่วยก๊วนรัฐบาลเก่าเช่นกัน

ประเด็นปัญหาของบิ๊กตู่ไม่ได้อยู่ที่รวมไทยสร้างชาติจะชนะเท่าไหร่ด้วย อย่างน้อยต้องมากกว่า ๕ %  ต้องได้ส.ส.มากกว่า ๒๕ คน ตามรัฐธรรมนูญ ม. ๑๕๙ ด้วย ไม่งั้นชื่อบิ๊กตู่จะแป๊กลงชิงตำแหน่งสร.๑ ไม่ได้  แค่นั้นยังไม่พอหากรวมไทยสร้างชาติไม่ได้คะแนนมากพอจะเ ป็นผู้นำในขั้วเก่ารัฐบาล  ถ้าได้คะแนนมาเป็นอันดับ ๓ บิ๊กตู่จะมีพลังในการขึ้นเป็นนายกฯหลัง  “อนุทิน-จุรินทร์” อย่างแน่นอน  ตรงนี้บิ๊กตู่จะขึ้นเป็นนายกฯ แบบไหนยังไงก็ยังงงอยู่   ยกเว้นว่ามีการทำสัญญาใจกับน้องหนูขอพี่ตู่เป็นนายกฯครึ่งแรก ๒ ปีก่อน พอครบวาระในปลายปี ๖๘  น้องหนูค่อยเป็นต่อ  แต่เสี่ยหนูก็จะมีความเสี่ยงสุดๆ ประการแรกถึงตอนนั้นจะไม่มีส.ว. ๒๕๐ คนโหวตนายกฯได้อรกแล้ว  ประการที่สองสภาพการเมืองตอนนั้นไม่รู้ว่าลูกผีหรือลูกคน  สู้เสี่ยหนูเป็นนายกฯตั้งแต่แรกไม่ดีกว่าหรือไหนๆก็ชนะเลือกตั้งนำมาเป็นอันดับ ๑ ในฝ่ายขั้วรัฐบาล  ตรงนี้ก็ต้องดูจำนวนส.ส.ในมือหลังเลือกตั้งปีหน้าเป็นตัวแปร  ถ้าภูมิใจไทยได้ส.ส.มาทะลักไปถึง ๙๐-๑๐๐ คน  ส่วนรวมไทยสร้างชาติได้ส.ส.มาไม่มาก  แล้วเสี่ยหนูไปยอมบิ๊กตู่เป็นนายกฯอีกก็บ้าก็แปลกแล้ว  เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องดูปลายทางหลังเลือกตั้งว่าแต่ละคนจะมีส.ส.ในมืออยู่เท่าไหร่

นอกจากนี้โอเคล่ะ สมมุติว่า “เสี่ยหนู-ครูใหญ่เน” ทำสัญญาใจให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯก่อน ๒ ปี  โดยใช้สูตรตำนานการเมือง ส.ส. ๑๘ เสียง พรรคกิจสังคมก็เป็นนายกฯเป็นรัฐบาลได้   เอาโมเดล “อ.หม่อม” ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกฯคนที่ ๑๓ ตำนานการเมือง “บ้านซอยสวนพลู”มาใช้    ย้อนอดีตกลับไปดูเรื่องราวของ “ซือแป๋ซอยสวนพลู”  การเมืองในช่วงปี ๒๕๑๘  มีการช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาล  ระหว่าง “หม่อมพี่” ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตอนนั้นพรรคสีฟ้าได้ส.ส.มา ๗๒ คน บวกกับพรรคเกษตรสังคม ๑๙ คน  จากส.ส.ทั้งหมด ๒๖๙ คนในสมัยนั้น   มีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นในวันที่ ๑๕ ก.พ.๒๕๑๘  แต่บุญมีแต่กรรมบัง  ระหว่างการแถลงนโยบายในยุคนั้นต้องให้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาให้ความเป็นชอบด้วย  แต่ปรากฏว่าการแถลงนโยบายของม.ร.ว.เสนีย์ไม่ผ่านความไว้วางใจจากสภาหม่อมพี่เลยต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯไป  ตอนนั้นแหละที่หม่อมน้อง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์อาศัยจังหวะสอง  ตอนพี่ชายพลาด รวมเสียงข้างมากในสภา   ตอนนั้น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ได้ส.ส.จาก ๘ พรรคสนับสนุน   จากพรรคการเมืองทั้งหมด ๒๒ พรรคในยุคนั้น  ประกอบด้วย พรรคกิจสังคมของตัวเอง ๑๘ เสียง  ธรรมสังคม ๔๕ เสียง  ชาติไทย ๒๘ เสียง สังคมชาตินิยม ๑๖ เสียง สันติชน ๘ เสียง ประชาธรรม ๖ เสียง  ไท ๔ เสียง และ พลังประชาชน ๒ เสียง รวมกันตอนนั้นได้แค่ ๑๒๗ เสียงเท่านั้นยังไม่ถึงครึ่ง   คือ ๑๓๕ เสียงจาก ๒๖๙ เสียงทั้งหมดในสภา

ตอนนั้นคะแนนยังปริ่มน้ำอยู่   และม.ร.ว.คึกฤทธิ์มีสิทธิ์จะตกเก้าอี้นายกฯ ไปไม่ถึงสวรรค์ซ้ำรอยรัฐบาลหม่อมพี่ของม.ร.ว.เสนีย์   ความเป็นคนแหลมคมทางการเมือง  เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวชนิดหาตัวจับยาก เหลี่ยมคูทางการเมืองถึงขั้น “เซียนการเมือง สมองเพชร”  ม.ร.ว.คึกฤทธิ์แก้ลำหาทางออก  ด้วยการตั้งครม.แค่ ๒๗ ตำแหน่ง  เหลือไว้ ๓ ตำแหน่ง  เพื่อเอาไปล่อพรรคการเมืองให้เปลี่ยนใจ  ที่สุดก็เป็นไปตามคาดของหม่อมน้องจริงๆ  เพราะการแถลงนโยบายเมื่อ ๑๙ มี.ค.๒๕๑๘   รัฐบาลผสมของม.ร.ว.คึกฤทธิ์แถลงนโยบายผ่านไปแบบเฉียดฉิวด้วยคะแนน ๑๔๐ เสียง โดยมี ๑๖ พรรคสนับสนุน  อย่างไรก็ตามแม้ได้ขึ้นเป็นนายกฯด้วยคะแนนเสียงในมือน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยคือ ๑๘ เสียง แต่ระหว่างทางการทำหน้าที่นายกฯของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ก็ขรุขระ ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เพราะการเป็นนายกฯที่มีเสียงในมือน้อยนิด  ก็ถูกพรรคใหญ่อย่างธรรมสังคมและชาติไทย ขย่มข่มเหงไม่เว้นแต่ละวัน ด้วยสารพัดเรื่อง  ยังไม่รวมปัญหาที่เกิดจากพรรคเล็กๆที่ร่วมรัฐบาลอีกมากมาย  บริหารประเทศไปได้แค่ปีเศษ ๆ  ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ก็ไปต่อไม่ไหว  แม้จะใช้สมอง ปัญญา ความแหลมคม ความเชี่ยวชาญการเมือง ชนิดหาตัวจับยาก ถึงขั้นถูกยกให้เป็นหนึ่งในตองอู จนเป็นที่มาของฉายา “เฒ่าสารพัดพิษ” ละคนกับ “เสาหลักประชาธิปไตย”  เพราะเอาตัวรอดผ่านสันดอนบริหารรัฐบาลผสม ที่มีพรรคการเมือง ๑๖ พรรค ด้วย ๑๘ เสียงของพรรคกิจสังคมในมือมาได้แบบรากเลือดนานถึงปีเต็มๆ  ที่สุด ๑๒ ม.ค. ๒๕๑๙ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ก็ประกาศยุบสภาในที่สุด รวมระยะเวลาเป็นนายกฯบนเส้นทางมหัศจรรย์ที่ไม่มีใครเคยทำได้ ตั้งแต่ ๑๔ มี.ค.๒๕๑๘ – ๒๐ เม.ย. ๒๕๑๙

ย้อนรอยเอาเรื่องนี้มาเล่าถอดบทเรียนม.ร.ว.คึกฤทธิ์มาบางเสี้ยว ก็เพื่อเตือนสติบิ๊กตู่  การเมืองภายหน้าของตัวท่านดูละม้ายคล้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจริงๆ  พรรคใหม่รวมไทยสร้างชาติกระแสบิ๊กตู่ดีให้ตายยังไงก็ไม่ได้ส.ส.มาเป็นอันดับ ๑ ในซีกฝ่ายรัฐบาลเดิม  อยากเป็นนายกฯก็ต้องไปซูเอี๋ยกับเสี่ยหนู ขอร้องจุรินทร์  ออกปากให้พี่ป้อมช่วย ไหนจะต้องไปอ้อนวอนสมคิด ง้อเจ๊หน่อย ขอเสียงจากพรรคเล็กสารพัดจึงจะรวมเสียงข้างมากได้   กว่าจะเป็นนายกฯได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น  ตั้งรัฐบาลไปก็ต้องเอาครม. ๓๕  ตำแหน่งไปแบ่งเค้กให้ทุกพรรค  บริหารประเทศไปสักพักก็จะโดนพวกนี้บีบคอ ขอนู้นขอนี้  อยากได้โครงการนั้น อยากดันโครงการนี้  ไม่นับรวมปัญหาภายในรัฐบาลขัดแย้งกันเอง เหยียบตาปลากันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล  สารพัดปัญหาอีกจิปาถะ  ถามว่าบิ๊กตู่จะประคับประคองเรือแป๊ะลำใหม่ไปได้นานแค่ไหน   เขีี้ยวรากดินเฒ่าสารพัดพิษอย่างคึกฤทธิ์ยังลากได้แค่ปีเศษ  บูรพาพยัคฆ์สุภาพบุรุษทหารอย่างบิ๊กตู่จะไปได้สักกี่น้ำ   เขียนแบบนี้ไม่ได้ต้องการตัดพ้อลดทอนกำลังใจบิ๊กตู่    คนดีต้องส่งเสริมคนตั้งใจต้องค้ำชู   อยากไปต่ออีก ๒ ปี อยากทำเพื่อชาติบ้านเมืองให้สุดทางเลื่อนในปีพ.ศ.  ๒๕๖๘  อันนั้นน่ายกย่องและชื่นชม  แต่อธิบายมายืดยาวแบบนี้ก็เพื่อจะเตือนสตินายกฯให้กำลังใจบิ๊กตู่  แต่นี้ต่อไปการเมืองสมัย ๓ ไม่มีแล้วกลีบกุหลาบโรยเบื้องหน้า  ไร้พรหมแดงปูบนทางเดิน    ระหว่างทางมีแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรด  จะมีแต่ ก้อนอิฐ กับ ลูกหินเท่านั้นที่ท่านต้องเผชิญ ต้นทุนที่ถูกสั่งสมมาอาจถูกใช้หมดในคราวนี้   บารมีที่เคยยิ่งใหญ่อาจจะหดหาย  ทุกอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม   ๓ ป.ก็แตกแล้ว  ลุงป้อมไม่เหมือนเก่า  พี่ป็อกไม่อยู่ข้าง เรือแป๊ะแยกย้ายไปตามทาง  พรรคร่วมรัฐบาลกระจัดกระจาย  ฮันนีมูนพีเรียดกำลังจะปิดฉากรูดม่านลงในอีกไม่กี่เดือน   การเมืองของจริงกำลังจะเปิดฉาก  นรกของแท้กำลังจะมา พล.อ.ประยุทธ์พร้อมจริงๆหรือยังที่จะไปต่อ  ด้วยความเคารพและเป็นห่วง

//////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทนายเมีย-ลูก “หมอบุญ” รับลูกความเครียดร้องไห้กลางศาล ขอเมตตาปล่อยตัว
ศาลสั่งจำคุก 8 เดือน "ออยศรีและผองเผือก" หมิ่นประมาท "ทนายตั้ม"
สุดเศร้า "ผู้พิการทางสมอง" ถูกกระแสน้ำท่วมใต้ซัดจมหาย พบร่างไหลติดกิ่งไม้
"จิรายุ" เผยรบ.เตรียมโอนซ้ำ "เงินหมื่น" รอบสุดท้าย เตือนผู้มีสิทธิที่ยังไม่ได้รับ เร่งแก้ไขบัญชี
ราชทัณฑ์หาม “สามารถ” ส่ง รพ.หลังอดข้าวหลายมื้อ
"พิชัย" ถกสหพันธ์ขนส่งฯ เร่งตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ แก้ปัญหาขนส่งศูนย์เหรียญ
ไทยดูไว้! “คาเรนนี” โคตรแสบ! ลวง “ทัพพม่า” เข้าทุ่งสังหาร-กดบึ้ม 40 ศพ
“พิพัฒน์” มุ่งสร้างสวัสดิการให้เงิน ทดแทนการขาดรายได้ ชวนแรงงานอิสระ สมัครผู้ประกันตน ม.40
ศาลเบิกตัวอดีตภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ" ไต่สวนขอประกันตัว
สงขลาอ่วม ฝนตกต่อเนื่องน้ำทะลักท่วมหลายจุด สั่งปิดโรงเรียน-ถนน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น