ไม่เคยคิดว่าเรื่อง “น่าสะพรึง” จะเกิดขึ้นกับอาหารการกินของคนไทยซ้ำอีก ล่าสุดการจับกุมโรงงานเนื้อวัวและเครื่องในวัวหลายรายการในจังหวัดท่องเที่ยงเลื่องชื่ออย่างชลบุรี ที่นำชิ้นส่วนต่างๆ ดังกล่าวไปแช่ “ฟอร์มาลิน” ในถังขนาดใหญ่จำนวนมาก ที่สำคัญเนื่อสัตว์เหล่านี้ถูกกระจายไปยังร้านหมูกระทะ และร้านอาหารอีสาน ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นร้านอาหารทั้ง 2 ประเภท เป็นร้านยอดนิยมของคนไทยทุกเพศวัย เพราะเสนอราคาที่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะร้านหมูกระทะ ราคาเร้าใจเริ่มต้นที่ 239 บาท/หัว สำคัญที่สุดคือกินไม่อั้น
พิจารณา กรณีเนื้อวัวแช่ฟอร์มาลิน แล้ว ให้คิดเชื่อมโยงกับ “หมูเถื่อน” และ “โรคระบาด ASF” ซ้ำสอง ที่ไทยกำลังประสบอยู่ขณะนี้…เชื่อมโยงอย่างไร? จากข้อมูลที่สังคมรับทราบคือ หมูเถื่อนเข้ามากระจายในประเทศจำนวนมากหลังโรค ASF คร่าชีวิตหมูไป 50% เป็นปัจจัยดันราคาหมูหน้าฟาร์มขึ้นไปถึง 110 บาท/กก. และหมูเนื้อแดงขึ้นไปแตะ 200 บาท/กก. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ราคาเนื้อหมูของไทยขณะนี้เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ไทยราคาสูงสุดจึงเป็นโอกาสทำกำไรของ “ขบวนการใต้ดิน” จึงหาช่องทางลักลอบนำเข้าหมูผิดกฎหมายมาสร้างประโยชน์ส่วนตัว
หมูเถื่อน ทะลักเข้าไทยทำกำไรกันล้นกระเป๋า (หมูเถื่อนต้นทุนประมาณ 40-45 บาท/กก.) จากสถิติการจับกุมเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2565 ได้ของกลางมากกว่า 1,000 ตัน หรือ มากกว่า 1 ล้านกิโลกรัม โดยประเมินว่าช่องทางหลักที่หมูเถื่อนเคลื่อนเข้าไทย คือ ท่าเรือแหลมฉบัง และด่านชายแดนหลักๆ ที่จังหวัดสระแก้ว และมุกดาหาร ผ่านมาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวียดนาม กัมพูชา และล่าสุดมาเลเซีย แม้จะลักลอบยากลำบากแค่ไหน ขบวนการหมูเถื่อนไม่ย่อท้อ หาทางเจาะเข้าไทยจนได้ เพราะคุ้มค่า คุ้มเวลา ช่องทางธรรมชาติตามตะเข็บชายแดนคือที่พักของ แล้วลักลอบเข้ามาเป็นกองทัพมด คือทางออก
การจับกุมถี่ขึ้น เชื่อมโยงกับปริมาณหมูเถื่อนในตลาดลดลงมาก เพราะเหล่าร้ายต้องหนีการจับกุม ห้องเย็นที่เคยรับของโจรก็ต้องเปิดหน้าทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย รับแต่เฉพาะของดีมีตราประทับรับรอง ที่เคยทำมาค้าของเถื่อนคล้องก็ยากขึ้น สั่งของ 100 ได้ 10 หรืออาจไม่ได้เลย พ่อค้า-แม่ค้าหมูเถื่อน อาจจะต้องหาวิธีสต๊อกของเพื่อส่งลูกค้าให้เพียงพอ และอาจใช้วิธีการแช่ฟอร์มาลินเหมือนกับเนื้อวัวแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้บริโภคเมื่อเสริฟในร้านหมูกระทะ…นี่ก็เป็นเรื่อง “น่าสะพรึง” เช่นกัน
ที่สำคัญ คือ หากหมูเถื่อนมีการจัดเก็บสต๊อกด้วยการแช่ฟอร์มาลีนบ้าง โอกาสการแพร่ระบาดซ้ำสองของโรค ASF เป็น 100% แน่นอน หากหมูเถื่อนมีการปนเปื้อนเชื้อโรคดังกล่าว การรถขนส่ง สัมผัสคน เชื้อโรคปนในน้ำ น้ำไหลไปที่ไหน เชื้อโรคแพร่ไปที่นั่น ส่วนคนไปที่ไหนก็นำโรคติดตัวไปได้ทันที อย่าให้สิ่งที่เกษตรกร ภาคเอกชน และภาครัฐ ร่วมแรงร่วมใจกันป้องกันโรคอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอดต้องสูญเปล่า ที่สุดความพยายามในการเพิ่มผลผลิตหมูให้เพียงพอต่อความต้องการของคนไทยในราคาที่เหมาะสม ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในสิ้นปี 2565 หรือกลางปีหน้อ คงเป็นเรื่องยาก
กรณี “เนื้อ ฟอร์มาลิน” จะเป็นบทเรียนสำคัญของไทยที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมอนามัย ต้องคล้องแขนกันแบบไม่ปล่อย ตรวจสอบทั้งห่วงโซ่การนำเข้าอย่างละเอียด อย่าให้มีการสำแดงเท็จ เมื่อเข้ามาแล้วต้องตรวจสอบคุณภาพของซากสัตว์ไม่ให้มีสิ่งปลอมปนที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ปลอดโรคระบาดที่จะทำให้เกิดความเสียหายในประเทศซ้ำได้ และกรมอนามัยต้องตะลุยตรวจสอบโรงงานผลิตเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้มาตรฐานฯ จัดการกำจัดเพื่อไม่ให้ทั้งเชื้อโรคและเนื้อสัตว์คุณภาพต่ำ กระจายอยู่ในประเทศไทยได้อีกต่อไป เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของคนไทยทั้งประเทศ.