“พีระพันธุ์” ยกเคส “โจรปล้นร้านทอง” รื้อกฎหมาย “ป้องกันตัว” คุ้มครองเหยื่อ

"พีระพันธุ์" เผย "รทสช." เล็งรื้อกฎหมายคุ้มครองเหยื่อป้องกันตัวไม่ให้กลายเป็นคนผิด หลังโซเชียลถกเถียงปมเจ้าของร้านทองยิงโจรปล้นทอง ที่ จ.ตาก ตาย ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ชี้เป็นตัวอย่างของกฎหมายที่ล้าสมัย

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 65 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แสดงความคิดเห็นหลังจากมีข้อถกเถียงในแง่กฎหมายกรณี คนร้าย 4 คน บุกปล้นร้านทอง ที่ จ.ตาก กระทั่งถูกเจ้าของร้านทองใช้ปืนยิงสวนกลับทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย จับได้ 1 ราย และยังหลบหนีอีก 2 ราย ซึ่งมีการตั้งคำถามว่าเจ้าของร้านทองกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างของกฎหมายที่เห็นได้ชัดว่ายังมีความบกพร่องอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายอาญาที่ใช้กันมาเป็นเวลานาน เนื่องจากการออกกฎหมายตั้งแต่ต้นนั้น เป็นการกำหนดอยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลาง โดยไม่ได้ระบุว่าใครผิดใครถูก ดังนั้นจึงเป็นการวางกฎเกณฑ์กติกาทั่วๆ ไป กรณีแบบนี้ในกฎหมายอาญากำหนดไว้เป็นเรื่องการป้องกันตัว คือ อยู่บนพื้นฐานที่เกินกว่าเหตุไม่ได้ การป้องกันตัวต้องพอสมควรแก่เหตุ ประการที่สอง ต้องเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัว ซึ่งเป็นการวางหลักตามกรณีทั่วไป

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้สังคมเปลี่ยนไป หลายครั้งที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ เราก็จะป้องกันตัว ในเวลาที่คนป้องกันตัวนั้น เราก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องกฎหมาย โดยคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองรอดจากสถานการณ์ แต่พอเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว กลายเป็นป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ อันตรายยังมาไม่ถึงตัวบ้าง และสิ่งที่ใช้ป้องกันเกินกว่าฝั่งตรงข้ามบ้าง ในทางกฎหมายที่ผ่านมาจึงทำให้เป็นความผิด แต่มีโทษเบาลงเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากฎหมายยังมีช่องว่างและข้อที่ควรจะแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ถึงเวลาที่ควรจะมีกฎหมายมาให้ความเป็นธรรมกับการกระทำที่กระทำต่อการกระทำผิด ให้สามารถป้องกันได้ทุกรูปแบบ แต่อาจต้องมีรายละเอียดต่อไป โดยหลักการคือป้องกันได้ไม่ต้องมีความผิด

 

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า กรณีนี้ถือเป็นอุทธาหรณ์ ที่ตรงกับแนวคิดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการแก้ไขกฎหมายที่ยังมีข้อบกพร่องหลายฉบับ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน

“กฎหมายบอกว่า การป้องกันจะต้องป้องกันจากภยันอันตรายที่ใกล้จะถึง และต้องเป็นการป้องกันที่สมควรแก่เหตุ ผมยกตัวอย่างเช่น เขาถือมีดเข้ามา เราเอาปืนยิงเลย ศาลอาจจะมองว่าเกินกว่าเหตุ แต่ในขณะนั้นถ้าเราไม่ยิงเราอาจถูกแทงตายได้ เป็นต้น ควรต้องคำนึงด้วยว่าวันนั้น นาทีนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร มีดกับปืน นี่คือหลักกฎหมายที่ใช้กันมามานาน สังคมสมัยโน้น กับสมัยนี้มันต่างกัน ความซับซ้อนของสังคมก็ต่างกัน แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ก็เลยทำให้คนดีๆ ที่เป็นเหยื่อ กลายเป็นผู้กระทำความผิด” นายพีระพันธุ์กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น