“ศาลปกครอง” แจง 4 ประเด็น ยกคำร้อง “สภาฯผู้บริโภค” ขอสั่งชะลอผนึกธุรกิจ TRUE-DTAC

"ศาลปกครอง" แจง 4 ประเด็น ยกคำร้อง "สภาฯผู้บริโภค" ขอสั่งชะลอผนึกธุรกิจ TRUE-DTAC

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 สภาองค์กรของผู้บริโภค โดยน.ส.สารี อ๋องสมหวัง ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง ขอให้พิพากษาเพิกถอนมติ ณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และสำนักงาน กสทช. เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการ “รับทราบ” การรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และยื่นคำขอไต่สวนฉุกเฉินขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับคำฟ้อง ขอเพิกถอนมติ กสทช. “รับทราบ” การรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC แต่ในกรณีที่สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ยื่นคำขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลเพียงแต่ไรับคำขอดังกล่าวไว้ เพื่อรอให้ TRUE – DTAC ข้ามาเป็นผู้ร้องสอดในคดีดังกล่าวก่อนจึงจะเริ่มพิจารณา เนื่องจากมองว่าทั้ง 2 บริษัทเป็นบุคคลภายนอกที่อาจได้รับผลกระทบจากการพิพากษาคดี ดังนั้น จำเป็นต้องให้ทั้ง 2 บริษัท ได้มีโอกาสชี้แจงโต้แย้งข้อเท็จจริงต่อศาล จึงมีคำสั่งเรียก TRUE – DTAC เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดด้วย

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ศาลปกครองมีคำวินิจฉัยคำร้องของสภาองค์กรของผู้บริโภคกับพวกรวม 5 คน ที่ให้ขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาใน 4 ประเด็นหลัก ซึ่งอาจมีผลทำให้การรวมธุรกิจ TRUE – DTAC จะต้องชะลอไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำพิพากษานั้น

โดยศาลปกครองวินิจฉัย พิจารณาถึงอำนาจการมีมติของคณะกรรมการกสทช.ที่รับทราบการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC โดยเห็นชอบและกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะว่า ไม่มีเหตุจะรับฟังได้ว่ามติดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง และเมื่อได้วินิจฉัยเช่นนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีก เนื่องจากไม่มีผลทำให้คำสั่งเปลี่ยนแปลงไป จึงมีคำสั่งยกคำขอ ส่งผลให้แผนการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC ยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปตามกรอบเวลา

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่รายละเอียดคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางในประเด็นมติรับทราบการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC โดยเห็นชอบและกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ซึ่งเป็นผลให้ศาลยกคำขอทุเลาชั่วคราวที่สภาองค์กรของผู้บริโภค กับพวกรวม 5 คน ร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 นั้น ศาลวินิจฉัยในประเด็น หลัก 4 ประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่ 1 ศาลวินิจฉัยว่า การลงมติชี้ขาดของประธาน กสทช. เพิ่มอีกเสียงหนึ่ง หลังที่ประชุมมีคะแนนเสียงเท่ากัน 2 ต่อ 2 นั้น เป็นอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายตามข้อ 41 วรรคสาม ของระเบียบการประชุมฯ ที่ให้อำนาจประธาน กสทช. สามารถออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ดังนั้นมตินี้ ถือเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดของ กสทช. ทีมีคะแนนเสียง 3 เสียงซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ จำนวนกรรมการทั้งหมดแล้ว ตามข้อ 41 วรรคหนึ่ง (2) ของระเบียบดังกล่าว

ดังนั้น ศาลจึงวินิจฉัยว่า ไม่มีเหตุที่รับฟังว่าการออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งของประธาน กสทช. เป็นการกระทำที่น่าจะขัดต่อข้อ 41 วรรคหนึ่ง (2) ของระเบียบการประชุมฯ

ประเด็นที่ 2 การแปลความว่า การรวมธุรกิจทุกกรณีจะต้องได้รับอนุญาตจาก กสทช.หรือไม่นั้น

ศาลวินิจฉัยว่า ข้อ 8 ของประกาศผูกขาดฯ 2549 ซึ่งเป็นกรณีการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันโดยการเข้าซื้อหรือถือหุ้น หรือการเข้าซื้อสินทรัพย์ ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับการรวมธุรกิจ ซึ่งข้อ 3 และข้อ 5 ของประกาศการรวมธุรกิจฯ 2561 แบ่งการรวมธุรกิจเป็น 3 แบบ ได้แก่ การรวมธุรกิจโดยการรวมกันแล้วเกิดเป็นนิติบุคคลใหม่ การรวมธุรกิจโดยการเข้าซื้อหุ้นหรือซื้อทรัพย์สินของผู้ประกอบการรายอื่น จึงไม่อาจแปลความว่าการรวมธุรกิจทุกกรณีจะต้องได้รับอนุญาตจาก กสทช.

นอกจากนี้ เจตนารมณ์ ของประกาศผูกขาดฯ 2549 เป็นเพียงเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์จะเข้าถือครองธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น โดยไม่ต้องไปขออนุญาตตามข้อ 8 ของประกาศผูกขาดฯ 2549 อีก จึงสอดคล้องกับมาตรา 77 วรรคสามของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติให้รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น

และ ไม่ว่ากรณีจะเป็นเช่นใดก็ตาม ประกาศข้างต้นมิได้ห้ามหรือปิดกั้นมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมดำเนินการรวมธุรกิจหรือการควบรวมธุรกิจประเภทเดียวกันกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นอย่างสิ้นเชิง หากได้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขและมาตรการที่ กสทช. กำหนด

ดังนั้น การที่ กสทช. มีมติรับทราบโดยกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะจึงเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและประกาศการรวมธุรกิจฯ 2561 แล้ว ในชั้นนี้ยังไม่มีเหตุความน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ประเด็นที่ 3 ศาลวินิจฉัยถึงผลกระทบของการรวมธุรกิจว่า เมื่อ กสทช. มีมติรับทราบการรวมธุรกิจโดยเห็นชอบและกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะให้ทรูและดีแทคต้องดำเนินการทั้งก่อนและภายหลังการรวมธุรกิจ และยังได้กำหนดกลไกติดตามและประเมินผลการรวมธุรกิจไว้อย่างชัดเจนแล้ว

 

ดังนั้นศาลวินิจฉัยว่า ภายหลังการรวมธุรกิจ หาก กสทช. พิจารณาหรือได้รับการร้องเรียนแล้ว เห็นว่ามีผลกระทบหรือฝ่าฝืนมาตรการที่กสทช.ระบุ กสทช. มีอำนาจระงับการกระทำ ยกเลิก เพิกถอน ปรับ เพิ่มเติม หรือปรับปรุงเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะใหม่ได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นได้ ตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรฯ พ.ร.บ. กิจการโทรคมนาคมฯ และประการผูกขาดฯ 2549 ที่กำหนดอำนาจหน้าที่ไว้

ที่ 4 คำขอห้ามหรือระงับการกระทำนิติกรรมที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องมติรับทราบการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE-DTAC จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และคำขอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดำเนินการชะลอหรือระงับการรับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบบริษัทของ TRUE-DTAC จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา รวมถึงให้นายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ชะลอหรือระงับการรับจดทะเบียนและการดำเนินการควบบริษัทของผู้ร้องสอดทั้งสองไว้จนกว่าศาลจะมีพิพากษา นั้น

ศาลวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นการฟ้องขอเพิกถอนมติรับทราบ ผู้ฟ้องคดีทั้งห้ามีสิทธิขอให้ศาลสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง คือให้ชะลอมติรับทราบไว้เท่านั้น นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. คณะกรรมการ ก.ล.ต. และ นายทะเบียนบริษัทมหาชนฯ มิได้เป็นคู่กรณีในคดีนี้ และมิใช่คณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจควบคุมกำกับดูแลตามพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรฯ ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ ดังนั้น จึงเป็นคำขอ ที่นอกเหนือจากการขอให้ทุเลาการบังคับตามมติรับทราบ จึงเป็นคำขอที่ศาลไม่อาจรับไว้พิจารณาได้ตามข้อ 70 ของระเบียบที่ประชุมใหญ่ฯ

ทั้งนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวที่ให้ยกคำร้องขอทุเลา ชั่วคราวประเด็นมติรับทราบการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC โดยเห็นชอบและกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ จึงส่งผลให้การดำเนินการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC สามารถดำเนินการตามกรอบเวลาได้ต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หนุ่มค้างค่าเช่าหลักหมื่น ทิ้งขยะกองโตท่วมห้องไว้ให้เจ้าของหอดูต่างหน้า
"ศาลอุทธรณ์" ยืนโทษคุก 8 เดือน "สมบัติ ทองย้อย" อดีตการ์ดเสื้อแดง โพสต์หมิ่น "พล.อ.ประยุทธ์" 2 ข้อความ
สพฐ. ชูศึกษานิเทศก์ทั้งประเทศ กลไกขับเคลื่อน "เรียนดี มีความสุข" สร้างคุณภาพสู่ห้องเรียน
“เต้ อาชีวะ” เดือด! จัดหนัก UN ปล่อยต่างด้าวล้นรพ.รัฐ แย่งคิวคนไทย
ปัตตานีระทึก คนร้ายชักปืน จี้ "พนง.ร้านสะดวกซื้อ" ชิงเงินสด 1.2 ล้าน หนีลอยนวล
เตรียมพบเทศกาลนานาชาติ พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2024 "จันทบุรีนครอัญมณี" ปีที่ 5 ชูเอกลักษณ์เมืองจันท์ อัญมณีอันเลื่องชื่อ
“สมศักดิ์” นำร่อง “ตู้ห่วงใย” บริการแพทย์ทางไกลเชิงรุกในชุมชน ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ 
"พงษ์ศักดิ์" ยื่นร้องกกต. ขอระงับรับรองผลเลือกตั้งนายกอบจ.ขอนแก่น ชี้พบเหตุหาเสียงส่อผิดกม.
“กฤษอนงค์” ไร้เงาคนยื่นประกัน นอนคุกคืนแรก ด้าน “บอสพอล” มอบทีมกม.ยื่นค้านประกันตัว
‘ทะเลสาบน้ำเค็ม’ โผล่กลางทะเลทรายในมองโกเลียใน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น