วันที่ 11 ธ.ค. 65 นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” เจ้าของกองสลากพลัส ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มีประเด็นคอมเมนต์กันมากมายถึงเรื่องที่ผมโพสต์หานายทุน จำนวนเงิน 200 ล้านบาท
– มีคนคอมเมนต์ แนวๆว่า ผมไม่ใช่เจ้าของตัวจริงหรือ?
– ไหนว่ามีหมื่นล้านทำไมต้องมาหาแค่ 200 ล้าน
– ประกาศหานายทุนบนเฟสบุ๊คเนี่ยนะ
– สงสัยนายทุนสีเทา
– นายทุนคือตู้ห่าวหรือเปล่า
และอีกหลายๆ เรื่องที่สรรหาจะคอมเมนต์กันตามสติปัญญาของแต่ละคน
ข้อแรก ธุรกิจนี้เป็นของผม 94% และเป็นของทีมงานผมอีก 6% ส่วนนายทุนทั้งหมดนั้นเป็นเพียงผู้ให้กู้ยืมเงินเท่านั้น โดยปกติธุรกิจส่วนใหญ่เค้าก็กู้เงินมาทำธุรกิจกันทั้งนั้นละครับ เพียงแต่เค้าอาจจะกู้แบงค์ หรือขอหยิบขอยืมใครมาทำธุรกิจ เพียงแต่ว่าของผมมันกู้แบงค์ไม่ได้ เพราะวงเงินมันสูงมาก บริษัทยังมีอายุเพียงสองปี และบริษัทไม่มีทรัพย์สินมาค้ำประกัน
ผมเองเริ่มธุรกิจนี้ด้วยเงินเพียงไม่ถึง 2 ล้านบาทในตอนแรก หลังจากที่เริ่มขาย ลอตเตอรี่ได้ และเห็นว่ามันพอมีอนาคต ผมก็เอารถ เอาบ้าน เอาคอนโด ไปจำนอง,ขายฝากมาเพื่อทำธุรกิจ เพราะธุรกิจลอตเตอรี่เป็นธุรกิจเงินสด และกองสลากพลัส เราโตเร็วมาก เร็วจนผมเองก็ตั้งตัวไม่ทัน
ลองคิดดูนะครับ ผมขายลอตเตอรี่ 1 ล้านใบต้องใช้เงินสดประมาณ 100 ล้านบาทในการซื้อของมาขาย และช่วงที่ผมเติบโตหนักๆ จนรันด้วยตัวเองไม่ไหวคือช่วง 1-8 ล้านใบ
ช่วงนั้นผมเติบโตงวดละ 1 ล้านใบ นั่นหมายความว่าทุก 15 วันผมจะต้องหาเงินเพิ่มเพื่อมาซื้อของงวดละ 100 ล้านบาท หรือ หาเงินเพิ่มเดือนละ 200 ล้านบาทเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าผมจะใช้วิธีการซื้อหมุนหลายล๊อต ซื้อมาชุดนึง 2 ล้านใบ พอขายได้ก็นำเงินไปหมุนซื้อมาใหม่ แต่สุดท้ายมันก็ไม่พอในการขายอยู่ดี เพราะปัจจุบัน วันแรกเราต้องมีลอตเตอรี่ถึง 5 ล้านใบเพื่อจำหน่าย
ตอนที่ผมเริ่มหานายทุนหยิบยืมครั้งแรกนั้น ผมหอบเอาข้อมูลและยอดขายไปคุยกับเค้าว่าผมสามารถจ่ายดอกให้เค้าได้ทุกเดือน เพื่อกู้เงินเค้า ตอนนั้นผมมีลูกค้า 400,000 กว่าคน ขายได้ประมาณ 1.5 ล้านใบ
ซึ่งตัวผมเองนั้นก็มีชื่อเสียงในวงการอินไลน์พอสมควร มีผลงานต่างๆ มากมาย ทำให้คนที่ให้ผมยืมเงินรู้จักนิสัยใจคอผมมาบ้าง อย่างตอนที่ผมขายฝาก บ้าน-คอนโดนั้น ผมก็ได้ดอกมาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เพียง 1 บาทต่อเดือนเท่านั้น