เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปเป็นประธานเปิดกิจกรรม “อสม. เชียงใหม่ รวมพลังกายใจ นำประชาชนไทยรับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น” เพื่อรักษาระบบสุขภาพของประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อลดความรุนแรงของการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขล นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชกการ จ.เชียงใหม่ อธิบดีกรมควบคุมโรค คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงพี่น้อง อสม.เชียงใหม่ และนักเรียน เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คน
"อนุทิน" ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เร่งรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันสู้ไวรัสโควิด-19
ข่าวที่น่าสนใจ
นายอนุทิน กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว รวมถึงประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้เชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานและแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น กระทรวงสาธารณสุข จึงต้องเร่งรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เข็มกระตุ้นเพื่อลดอาการรุนแรง และลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการติดไวรัสโควิด-19 โดยมีเป้าหมายให้ทุกจังหวัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างน้อยคนละ 4 เข็มภายในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้เพียงพอ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่บริหารสถานการณ์ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีปัจจัยหลัก คือ การสร้างภูมิคุ้มกัน การเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที และพลังของชุมชนในการดูแลซึ่งกันและกัน โดยสมาชิกพี่น้อง อสม. เป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งในการร่วมแก้ปัญหาเหล่านี้ ดังนั้นการเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงเป็นการสร้างความมั่นใจได้ว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรง และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ที่สำคัญ คือ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย
ด้าน นายแพทย์ โอภาส ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จ.เชียงใหม่ ถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างความเชื่อมั่นว่า จ.เชียงใหม่ ปลอดโรค ปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข จึงจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น โดยเปิดหน่วยฉีดวัควีนเชิงรับที่โรงพยาบาล และหน่วยบริการเชิงรุก อาทิ ชุมชน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และโรงเรียน พร้อมให้ อสม.เป็นเครือข่ายช่วยประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนประชาชนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง