ถ่ายเลือดเก่า สู่ศักราชใหม่ “ประชาธิปัตย์” ไม่มาย “ถ้าใครลาออก”

ขณะที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตัวเค้าเองในฐานะ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” ก็ไม่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนที่เหลืออยู่ยังคงเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ และขณะนี้ยังไม่มีอะไรกระทบกับเป้าหมายหลัก เลือดไหลออกรอบนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งใกล้เลือกตั้ง การย้ายพรรคก็จะเกิดขึ้นกับทุกพรรค มีทั้งเข้าและออกถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนจะมีวิธีการหยุดเลือดไหลออกอย่างไรนั้น ภายในพรรคมีการพูดคุยกันมาโดยตลอดและได้มีการทำงานไปด้วยกันได้ดีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และทำงานอย่างมียุทธศาสตร์มีเป้าหมายไม่สะเปะสะปะ พร้อมมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะได้ส.ส.มากกว่าเดิม

ด้าน  “ชัยชนะ เดชเดโช” ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ใครลาออกแม้แต่คนเดียว เพราะแต่ละคนที่ออกไปก็มีศักยภาพสูง ทำงานให้พรรคมานาน และเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร ในอนาคตจะมีการตั้งพรรคเพื่อหนุนคนอีกสักร้อยพรรคพันพรรค “ประชาธิปัตย์” ยังคงอยู่ทำงานรับใช้ประชาชนต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย แต่ เมื่อสมาชิกตัดสินใจไปแล้ว พรรคต้องยอมรับและเดินหน้าหาคนใหม่ๆ ที่มีใจและอุดมการณ์เดียวกัน

ถึงที่สุดแล้ว เหล่านี้คือวัฏจักร และ สัจธรรมของทุกพรรคการเมือง “เก่าไป – ใหม่มา” เหล่านี้ถือเป็นการ “ถ่ายเทเลือดเก่า เพื่อเว้นพื้นที่ให้ “เลือดใหม่” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้ถ่ายเลือดใหม่ เพื่อทดแทนเลือดเก่าที่ออกไป ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์คุ้นเคยดีอยู่แล้ว เหตุการณ์ที่วิเคราะห์วิจารณ์กันอย่างอื้ออึงหนาหู จึง “ไม่ใช่เรื่องใหม่” และ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่”