นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล หัวข้อ พรรคก้าวไกลกับการเลือกตั้ง 2566 ตอนหนึ่งดังนี้ พรรคก้าวไกลกับการเลือกตั้ง 2566
1. สู้ในระบบเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลเสียเปรียบ พรรคใหญ่ฝ่ายรัฐบาลและพรรคใหญ่ฝ่ายค้านมีฉันทามติร่วมกันว่าต้องแก้ไขระบบเลือกตั้ง จากเดิมทุกคะแนนมีความหมายนำไปคำนวณเป็นที่นั่ง ส.ส.และจำนวนคะแนนเสียงทั่วประเทศสอดคล้องกับจำนวนที่น้่ง ส.ส. มาเป็น แข่งกันในเขตเลือกตั้งเอาที่หนี่งคนเดียวรวม 400 ที่นั่ง เหลืออีก 100 ที่นั่งมาจากการคำนวนคะแนนสัดส่วนทั่วประเทศ ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งแม้อาจได้คะแนนรวมทั่วประเทศไม่น้อยกว่าที่พรรคอนาคตใหม่ได้ในปี 62 แต่เมื่อพิจารณารายเขต อาจมีหลายเขตที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนจำนวนมาก แต่ไม่มากพอที่จะได้ลำดับที่ 1 ในเขตเลือกตั้งนั้น และคะแนนเหล่านั้นทั้งหมดต้องถูก “ทิ้งน้ำ” ไป ดังนั้นพรรคก้าวไกลต้องพร้อมต่อสู้กับการเลือกตั้ง ต้องพร้อมปรับวิธีการต่อสู้ในทุกระบบการเลือกตั้ง ต้องพิสูจน์ให้ได้ในการเลือกตั้ง 2566 ว่า ประเทศนี้ สังคมนี้ ยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกล
2.การเพิ่มจำนวน ส.ส.เขตให้มากขึ้น พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.เขต 30 ที่นั่ง โดยใช้ กระแส “ธนาธรฟีเวอร์” แต่ก็มีบางฝ่ายเห็นว่าส่วนหนึ่งมาจากอานิสงส์ที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับจากกรณีพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบพรรค ทำให้หลายเขต ไม่มีผู้สมัครทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติ ทำให้ประชาชนหันมาเลือกพรรคอนาคตใหม่แทน การเลือกตั้งในปี 2566 คงไม่มีอุบัติเหตุแบบกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ และทุกพรรคการเมือง “เอาจริง” ไม่มีใครประมาทพรรคก้าวไกลอีกแล้ว การต่อสู้ในระบบแบ่งเขต 400 คน จะเข้มข้นมากกว่าเดิม แต่ละพรรคมุ่งหวังกับการมี สส เขต เพราะ หากไปลุ้นบัตรใบที่สองให้มี สส แบบบัญชีรายชื่อ ก็ไม่มีหลักรับประกันแน่นอนว่าจะได้หรือไม่ ได้มาจำนวนเท่าไร
ประกอบกับพรรคเพื่อไทยชูคำขวัญ “แลนด์สไลด์” ย่อมทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาล ไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีชื่อประยุทธ์อีกต่อไป แม้พวกเขาอาจเอาใจช่วยพรรคก้าวไกลอยู่ แต่ก็พร้อมที่จะเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะเห็นว่า มีความเป็นไปได้มากกว่าที่พรรคเพื่อไทยจะชนะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปัจจัยเหล่านี้ ย่อมทำให้ การต่อสู้ในเขตเลือกตั้งรอบนี้ พรรคก้าวไกลเหนื่อยกว่าพรรคอนาคตใหม่หลายเท่า