จากกรณี นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรม และ สิทธิมนุษยชน สภาฯ ได้เข้ายื่นร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ให้ตรวจสอบกรณี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบบิดา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคดีที่ฮ่องกง อาจเข้าข่ายผิดศีลธรรม ตามที่บัญญัติใน พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 พร้อมเตือนว่าหากผิดจริงโทษถึงยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง
กางข้อกฎหมายชัดๆ ปม “อุ๊งอิ๊ง” ถูก “สนธิญา” ร้องไปพบ “ทักษิณ” อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.พรรคการเมือง ฐานสนับสนุนผู้กระทำการคุกคามความสงบและศีลธรรมอันดีของประเทศ และมีตำแหน่งในพรรค แต่เพื่อไทยเบี่ยงประเด็น อ้างเป็นสิทธิพ่อไปหาลูก
ข่าวที่น่าสนใจ
เรื่องนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยและบรรดาลิ่วล้อต่างเดือดดาล ออกมาตอบโต้นายสนธิญาอย่างหนัก ไม่เว้นแม้กระทั่งนายพานทองแท้ ชินวัตร ชายของอุ๊งอิ๊ง เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ โทษถึงยุบพรรค อย่างไรก็ตามนายพานทองแท้และพรรคเพื่อไทย ไดใช้วิธีเบี่ยงประเด็นให้เป็นเรื่องลูกสาวเดินทางไปพบกับครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นเรื่องปกติและสิทธิ จึงไม่ไช่เรื่องผิดกฏหมาย ประกอบกับนายทักษิณก็ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย พร้อมกับแก้เกี้ยวด้วยการไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบนายสนธิญาว่าร้องเท็จ
แต่ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ นายสนธิญาไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ไม่ใช่ความผิดเรื่องลูกไปหาพ่อ แต่เพราะนางสาวแพทองธารมีสถานะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และยังมีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาและการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย รวมถึงหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย การไปพบนายทักษิณจึงทำให้นางสาวแพทองธาอาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 45 ประกอบมาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 44
โดยมาตรา 45 บัญญัติว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง กระทําการหรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทําการอันเป็นการทําลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
ขณะที่มาตรา 28 บัญญัติว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
มาตรา 29 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
และมาตรา 44 บัญญัติว่า ห้ามมิให้พรรคการเมือง ผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง และสมาชิกรับบริจาคจากผู้ใดเพื่อกระทําการหรือสนับสนุนการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความมั่นคงของราชอาณาจักรราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน
ส่วนมาตรา 92 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรค ได้บัญญัติว่า เมื่อ กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ซึ่งมาตรา 92 วงเล็บ 3 ได้รวมถึงการกระทำความผิดตามมาตรา 44 และมาตรา 45 ไว้ด้วย ขณะที่มาตรา 92 วงเล็บ 4 ก็บัญญัติว่า มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกําหนด
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้นางสาวแพทองธาร อาจไปเข้าข่ายสนับสนุนผู้กระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้น ก็เพราะพฤติกรรมของนายทักษิณตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เช่น กรณีนายทักษิณไลฟ์สดเข้ามาในประเทศไทยทุกวันอังคาร วิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆ นั่นคือการก่อกวนหรือไม่ ยังไม่นับพฤติกรรมในอดีตที่ยุยงปลุกปั่นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง อีกทั้งนายทักษิณถูกออกหมายจับ ศาลสั่งจำคุกในหลายคดีรวม 10 ปี และเป็นผู้ต้องหาที่หนีคดี พฤติกรรมเหล่านี้จึงเป็นหน้าที่กกต.ต้องตรวจสอบและวินิจฉัยว่านางสาวแพทองธารมีความผิดหรือไม่ หากผิดพรรคเพื่อไทยก็อาจชะตาขาด ถูกยุบพรรคได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง