ศาลอุทธรณ์ ยืนยกฟ้อง “วีระกานต์-จตุพร-ณัฐวุฒิ”กับพวก คดีนปช.ก่อการร้าย เว้น”เจ๋ง ดอกจิก-สุขเสก” โดนคุกหนัก

ศาลอุทธรณ์ ยืนยกฟ้อง "วีระกานต์-จตุพร-ณัฐวุฒิ"กับพวก คดีนปช.ก่อการร้าย เว้น"เจ๋ง ดอกจิก-สุขเสก" โดนคุกหนัก

ศาลอุทธรณ์ยืนคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดี นปช.ก่อการร้าย ปี 53 ขณะจำเลยที่ 12 นายสุขเสก พลตื้อ พยานชี้มีการครอบครองอาวุธ เข้าข่ายก่อการร้าย ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ด้าน “เจ๋ง ดอกจิก” รอดหวิว แต่โดนข้อหาข่มเหงจิตใจเจ้าหน้าที่ รับโทษ 5 ปี 4 เดือน

 

9 ม.ค. 2566 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ก่อการร้าย คดีดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 75 ปี อดีตประธาน นปช., นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์ อายุ 58 ปี ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ หรือเต้น ใสยเกื้อ อายุ 48 ปี อดีตเลขาธิการ นปช. ในฐานะ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 72 ปี

 

นายก่อแก้ว พิกุลทอง อายุ 58 ปี, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อายุ 65 ปี และนายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง อายุ 59 ปี แกนนำ นปช. กับพวกรวม 24 คน เป็นจำเลยที่ 1- 24 รวม 6 ข้อหาในความผิดฐานร่วมกันในคดีก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1, 135/2 ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 116, 215, 216และร่วมกันชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 รวม 6 ข้อหา

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดมีรายงานเบื้องต้นว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยมีการจำหน่ายคดีออกจากสารบบ 1 คน และออกหมายจับจำเลยที่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาอีก 2 คน ส่วนจำเลยที่ 7 นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อายุ 65 ปี ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ในข้อหาก่อการร้าย แต่พิพากษาลงโทษ คดีข่มเหงจิตใจเจ้าหน้าที่ ในการไปถอนรื้ออุปกรณ์ของยานยนต์หุ้มเกราะ หรือได้รวบรวมเอายุทโธปกรณ์ของฝ่ายเจ้าหน้าที่มาแสดงต่อประชาชนบนเวที ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าพฤติกรรมเข้าข่าย เจตนาข่มเหงจิตใจเจ้าหน้าที่ในขณะปฏิบัติงาน ตัดสินลงโทษ จำคุก 5 ปี 4 เดือน

ส่วนอีกคน คือ นายสุขเสก พลตื้อ จำเลยที่ 12 ศาลชี้ว่า มีพยานยืนยันว่าได้มีการครอบครองอาวุธ จึงพิพากษา ในข้อหาก่อการร้าย โดยตัดสินจำคุกตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนนี้ในชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งคู่ ดังนั้น จึงเป็นสิทธิในชั้นฎีกาที่จำเลยทั้งสองจะได้ต่อสู้คดีต่อไป เบื้องต้นทนายความของทั้งสองคน อยู่ระหว่างยื่นเรื่องขออนุมัติประกันตัว

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า วันนี้ศาลได้นัดฟังคำพิพากษา อุทธรณ์ในคดีก่อการร้าย อันเนื่องมาจากการชุมนุมของกลุ่มนปช. เมื่อปี 2553 โดยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และวันนี้ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยสาระสำคัญคือ ข้อกล่าวหาของอัยการซึ่งเป็นโจทก์ ไม่ได้มีพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่า การชุมนุมของกลุ่มนปช.

 

โดยคณะแกนนำมีเจตนาที่จะสร้างความรุนแรง สร้างความเสียหาย หรือใช้กำลังอาวุธในการชุมนุมแต่อย่างใด ที่มีการกล่าวหาว่ามีกองกำลังติดอาวุธ หรือชายชุดดำปรากฏตัวในการชุมนุมนั้น ก็ไม่ได้ปรากฏพยานหลักฐาน หรือข้อเท็จจริงว่า มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง หรือคณะแกนนำนปช.มีส่วนรู้เห็นในการกำกับสั่งการแต่อย่างใด ประกอบกับข้อกล่าวหาก่อการร้ายนี้ จะต้องมีเจตนาพิเศษ ซึ่งตนมองว่าจะก่อการรุนแรงให้เกิดความเสียหายทั้งร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเจ้าหน้าที่ แต่การชุมนุมของกลุ่มนปช.ไม่ได้ปรากฏพฤติการณ์ดังกล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า พวกตนเคารพในคำพิพากษาและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อสู้ทุกคดีความมาโดยตลอดจนปัจจุบัน วันนี้ตนขอพูดเหมือนเช่นที่เคยพูดไว้หลังจากฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ว่าไม่ได้เป็นชัยชนะ หรือความพ่ายแพ้ระหว่างโจทก์กับจำเลย พวกตนไม่ได้มีความรู้สึกว่าเราได้รับชัยชนะต่อเจ้าพนักงานอัยการ หรือเราไม่ได้มีความรู้สึกว่านี่คือการต่อสู้กันระหว่างสองฝ่าย แต่ที่จริงมันคือการปฏิบัติหน้าที่กันอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา ผ่านกระบวนการยุติธรรมโดยมีศาลท่านเป็นผู้พิพากษา วันนี้ผลแห่งคำพิพากษาซึ่งตรงกันทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อย่างที่กล่าวไว้พวกตนน้อมรับ

และอยากให้คำพิพากษานี้เป็นเกียรติยศกับพี่น้องประชาชนที่ร่วมต่อสู้ในนามของคนเสื้อแดง ให้คำพิพากษานี้เป็นเกียรติยศของประชาชนที่สูญเสียชีวิตทุกพพลภาพ บาดเจ็บหรือสูญเสียอิสรภาพจากการต่อสู้ของคนเสื้อแดง พิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมว่าเราต่อสู้โดยยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยไม่มีเป้าหมายหรือเจตนาอื่น

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อศาลวินิจฉัยออกมาแล้ว ก็อยากจะให้สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญจุดหนึ่งที่จะทำให้สังคมไทยเราสามารถอยู่ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างกันในทางการเมือง หากจะมีความไม่เข้าใจความจริงทางกันอยู่ก็ขอให้พวกตนซึ่งเป็นแกนนำได้ทำหน้าที่พิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ส่วนในระหว่างประชาชนไม่ว่าจะสีไหนฝ่ายใด ตนมองว่าเราน่าจะเข้าอกเข้าใจรับฟังกันเห็นอกเห็นใจกัน

ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ ตนยังไม่ทราบ คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ พิพากษามาตรงกัน ก็ต้องรอดูกระบวนการว่าจะเป็นอย่างไร ขอกลับไปหารือกับทีมฝ่ายกฎหมายให้ชัดเจนก่อนโดยจะคัดเอาสำเนาคำพิพากษามาศึกษากันอย่างครบถ้วน เพื่อดำเนินการต่อสู้ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น