นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงผลการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศไทย และการวิเคราะห์สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกว่า การปรับมาตรการให้เข้มข้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโควิด-19 นั้น ศบค.ประกาศเริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 3 สิงหาคม 2564 โดยเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็น 29 จังหวัด , พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัดหรือประมาณครึ่งประเทศ และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด ทั้งนี้ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ สายพันธุ์เดลตา 1 คน ติดได้ 8 คน จากเดิมติดได้แค่ 3 คน ถือว่าเชื้อไวรัสเก่งขึ้น 3 เท่า ต้องเข้มงวดลดโอกาสแพร่เชื้อ คือ ต้องไม่รวมตัวกัน ลดเสี่ยงด้วยการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ทำอย่างเข้มข้นในช่วงนี้ ส่วนกรณีห้างสรรพสินค้าเพิ่มความเข้มข้นโดยร้านอาหารในห้างงดการจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป แต่ให้สั่งผ่านเดลิเวอรีได้ เพราะจะได้ลดจำนวนคนไปรอหน้าร้าน
ด้านข้อมูลโมบิลิตี้ ติดตามการเคลื่อนย้ายรถและการเดินเท้า หลังประกาศลดการเดินทางตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้วพบว่ามีแนวโน้มลดลง แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างกรุงเทพฯ และ จังหวัดชลบุรี ปีที่แล้ว สามารถลดลงได้ 80% กว่า ส่วนปีนี้ทำได้เพียง 70% กว่า ต้องขอความร่วมมือเพื่อให้ความเสี่ยงลดลง เชื้อโรคจะไม่มีที่ไปต่อ ถ้าลดการเดินทาง เชื้อโรคก็ลดโอกาสแพร่เชื้อ
ส่วนคาดการณ์ผลลัพธ์การล็อกดาวน์ 29 จังหวัดเป็นอย่างไรนั้น นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า เราใช้เวลาเรื่องการล็อกดาวน์มาระยะหนึ่งแล้ว ถ้าเพิ่มระยะเวลาจากนี้ต้องร่วมมือกันทำให้การแพร่เชื้อน้อยลงมากที่สุด อยากให้ประชาชนวางแผนให้ดี ออกจากบ้านน้อยที่สุด คนทำงานออฟฟิศหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ทำงานที่บ้าน 100% หรือมากที่สุดเท่าที่ทำได้ คนที่ไม่ได้ทำงานออฟฟิศวางแผนการเดินทางให้น้อยลงที่สุดเช่นกัน เช่น ไปตลาดสัปดาห์ละหลายครั้ง ก็วางแผนลดการไป เหลือสัปดาห์ละครั้ง โดยวางแผนการซื้ออาหารต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อเจอผู้คนน้อยลง ตอนนี้เป็นเวลาทองใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ถ้าร่วมมือเต็มที่ ถ้ายุติชะลอการแพร่ระบาดได้เราก็จะปลอดภัยกันทั้งสังคม