บทบาทของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในย่างก้าวถนนการเมืองเริ่มชัดเจนขึ้นทุกขณะ แม้เกือบ 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จะได้สะสมประสบการณ์และเรียนรู้ถึงถึงวิถีนักการเมืองแทบจะทุกรูปแบบ แต่ไม่มีครั้งไหนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีภาพนักการเมืองเต็มตัวหลังจากจรดปากกาลงสมัครเป็นสมาชิกรวมไทยสร้างชาติในวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา
จากชาย “ชาติทหาร”มีดาวทองประดับบ่าเพียงหนึ่งดวงจนก้าวไปสู่ตำแหน่งสูงสุดผู้บัญชาการทหารบก ก่อนจะพลิกบทบาทสู่ผู้นำรัฐประหารโค่นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อกระชับบ้านเมืองไม่ให้แตกเป็นเสี่ยง จากนั้นขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหาร “นายกรัฐมนตรีคนที่ 29”ทั้งในฐานะนายกฯที่จากรัฐบาลทหาร และนายกที่มาจากการเลือกตั้ง โดยถือครองอำนาจมายาวนานเกือบ 8 ปี
น่าสนใจยิ่งนักว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไปได้ไกลขนาดไหนในบทบาทนักการเมือง เพราะด้วยนิสัยหุนหันพลันแล่น หงุดหงิด ฉุนเฉียว โมโหง่าย น่าจะ ”ไม่เหมาะกับบุคลิกของนักการเมือง” ที่ต้องมีอุปนิสัยหยืดยุ่น ผ่อนหนักเบา บางครั้งก็เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเขี้ยวรากดิน ซึ่งการเป็นคนตรงโผงผางของ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญไม่ใช่น้อย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ดูสมูทยิ่งขึ้นในภายภาคหน้า
ทั้งนี้บทพิสูจน์ในฐานะนักการเมืองกำลังรอ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงฝีมือให้คนไทยและแฟนคลัปประจักษ์ โดยสปอร์ตไลท์ทุกดวงกำลังจับจ้องไปยังการลงพื้นที่จังหวัดชุมพรในวันที่ 28 มากราคม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นปราศรัยใหญ่ที่ลานเทศบาลเมืองต่อหน้าประชาชนหลายหมื่นคนเป็นครั้งแรกในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และถือเป็นครั้งแรกของ ในบทบาทนักการเมืองเช่นกัน
การปราศรัยครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นบรรดา”แกนนำ”พรรครวมไทยสร้างชาติต่างขนทัพใหญ่ลงไปจัดหนักจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร หวังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฯลฯ