“จตุพร” สุดเดือด กลืนเลือด แฉชุดใหญ่ม็อบแดง 53 “ทักษิณ” สั่งห้ามหยุด แม้แต่ตัวเองก็ถูกสั่งเก็บ

"จตุพร" สุดเดือด กลืนเลือด แฉชุดใหญ่ม็อบแดง 53 "ทักษิณ" สั่งห้ามหยุด แม้แต่ตัวเองก็ถูกสั่งเก็บ

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ตอน “หน้าไหว้ หลังหลอก” โดยเปิดใจเล่าถึงเหตุการณ์เสื้อแดงชุมนุมกลาง กทม. แยกราชประสงค์ เมื่อปี 2553 หลังมีการกล่าวหาล่าสุดของนายอดิศร เพียงเกษ แกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งอุปมาอุปไมยการชุมนุมต่อสู้ของคนเสื้อแดงในปี 2553 กับการนั่งรถไฟลงสถานีบางซื่อ เพราะได้วันเลือกตั้งควรจะหยุดชุมนุม หรือการไปต่อสถานีหัวลำโพง โดยนายจตุพร ตอบโต้ว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่มีการคุยอย่างตรงไปตรงมา เพราะทุกคนไม่ต้องการขยายบาดแผลความตายให้ญาติมิตรต้องเจ็บปวดใจ เมื่อนายอดิศรตั้งใจจะมาพูดถึงบางคนลงที่บางซื่อและบางคนไปลงหัวลำโพง จึงจำเป็นต้องอธิบายความ

นายจตุพร กล่าวว่า ให้ทบทวนสถานการณ์ในสมรภูมิชุมนุมปี 2553 อย่างช้าๆ พร้อมเล่าว่า โดยช่วงนั้นมีเหตุการณ์ความตายจำนวนมาก จนหลายคนแบกรับสถานการณ์ไม่ไหว ตนรู้สถานการณ์จะมีอีกชุดหนึ่งขึ้นซ้อนยึดเวทีชุมนุม เพราะไม่เห็นด้วยหากยุติเวทีชุมนุม

อีกทั้ง เมื่อมีการประชุมแกนนำในตู้คอนเทนเนอร์หลังเวทีชุมนุม ทุกคนให้ยุติการชุมนุมว่า ได้เวลาเลือกตั้งแล้ว มีแต่ตนคนเดียวให้ชุมนุมต่อไป โดยตนอธิบายในสถานการณ์นั้น ประการแรกว่า มีหีบศพมากมายที่เกิดขึ้น ดังนั้นนักการเมืองเมื่อได้หีบบัตรเลือกตั้ง แล้วทิ้งหีบศพจะตอบคำถามกับญาติผู้ชุมนุมที่ตายไม่ได้เลย

ส่วนประการที่สอง ตนบอกว่าเมื่อแกนนำขึ้นไปกล่าวยุติการชุมนุม ก็จะมีอีกชุดหนึ่งเข้ามาซ้อนยึดเวทีแทน ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์ตรึงเครียดและความตายจะมากกว่าเดิม เพราะเราสู้ทางการเมืองจึงต้องยืนยันในแนวทางสันติวิธี ถ้ามีการสู้ทางการทหารเมื่อไรก็พังทันที ดังนั้นเวทีต้องเดินต่อไป จึงไม่ควรทิ้งประชาชนเพื่อไปเอาหีบเลือกตั้ง แล้วต้องเดินลงเวทีอย่างคนอัปยศอดสูที่สุด เพราะเจ้าของจ่ายค่าเวทีตัวจริงนั้น เขาไม่ต้องการให้ยุติเวที แต่ทุกคนถอดใจหมดแล้ว

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายจตุพร เล่าอีกว่า ขณะนั้นมีการวางแผนซ้อนยึดเวทีอยู่แล้ว และคนที่ทำได้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งพอประชุมแกนนำเสร็จ ตนได้รับโทรศัพท์จากทักษิณ ชินวัตร โทรมาถาม ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ควรพูดเลย แต่เมื่อนายอดิศร ยกเหตุการณ์มาตอบโต้ จึงจำเป็นต้องเล่า ทักษิณ บอกว่า “หยุดเวทีได้อย่างไร ผมได้อะไร” พร้อมทั้งย้ำว่า ตนรู้เรื่องนี้มาแต่ต้นว่า จะมีการซ้อนยึดเวทีชุมนุมขึ้น แล้วจะเกิดความรุนแรงไปอีกมุมหนึ่ง และจะคุมประชาชนไม่อยู่ จึงจำต้องหักทุกคน ตนบอกทักษิณว่า ถ้าอย่างนั้น เพื่อให้เวทีเดินต่อ ส่วนแกนนำคงอยู่ไม่ครบแล้ว ทั้งๆที่ช่วงนั้นแกนนำเหลือตนอยู่คนเดียว เราจึงตกลงกันว่า คนที่เคยเป็นลูกพรรคของทักษิณ ก็ให้ไปเคลียร์กันเอง ส่วนบรรดาสายนักเคลื่อนไหวตนจะเคลียร์ ซึ่งทักษิณก็ไปเคลียร์กับนักการเมือง ผมก็เคลียร์กับนักเคลื่อนไหว เวทีจึงเดินมาถึง 18 พฤษภาคม วันที่วุฒิสภามาเจรจา และมาเกิดเหตุการณ์ 19 พฤษภาคม ซึ่งเป็นความเจ็บปวดขมขื่น วันนั้นถ้าเราไม่ยืนแข็งแรงแล้ว อีกทั้งประชาชนหน้าเวทีก็ไม่กลับ เจ้าของเวทีก็ไม่ให้เลิก และอีกชุดหนึ่งจะเข้ามาซ้อนยึดเวที ผมจึงอยู่คานกันเอาไว้ เพราะในทุกนาทีของสถานการณ์มีโอกาสตาย 100% อยู่แล้ว

นายจตุพร เปิดเผยว่า ที่เล่าให้ฟัง เพราะนายอดิศร ยกเรื่องชุมนุมปี 2553 มา โดยวัน 19 พฤษภาคม บนเวที คนที่มีบทบาทมากที่สุดคือ ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ คอยกันไม่ยอมให้ตนขึ้นเวที เพราะสถานการณ์ช่วงนั้นมีความเสี่ยงต่อชีวิตมากมาย ทหารล้อมหมด ขยับใกล้มาถึงจุดสุดท้ายที่เวทีทุกขณะ แต่เรารอเวลา จึงลุกขึ้นไปบนเวทีเพื่อยุติการชุมนุม ถ้าไม่ยุติความตายอย่างรุนแรงก็จะเกิดขึ้นกลางเวที เพราะเป็นจุดสุดท้าย ซึ่งหลายปีต่อมา มืองานคนสำคัญของชุดซ้อนยึดเวที มาเล่าให้ฟังว่า วันนั้น 19 พฤษภาคม มีการวางแผนกันจะยิงถล่มเวที ขณะที่ขึ้นกล่าวยุติการชุมนุม แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่ตัดสินใจทำ อีกทั้งการซ้อนยึดเวทีนั้น ผมได้ยินมาเช่นกันว่า มีการร้องขอจากฝ่ายเดียวกันให้จัดการผมเอง ตกเป็นเป้าถูกสังหารด้วยซ้ำไป

นายจตุพร เล่าว่า ทั้งหมดทั้งปวงนั้น เพื่อชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจในเรื่องอุปมาอุปไมยลงสถานีหัวลำโพงกับบางซื่อนั้น ตนไม่โทษนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ที่ประกาศลาออกจากประธาน นปช. เพราะลูกชายถูกเอาปืนจี้ทุกเรื่องราวต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่ตนมีการข่าวจึงรู้สถานการณ์ว่า ถ้าตัดสินใจลงเวทีที่บางซื่อ จะถูกอีกชุดหนึ่งขึ้นไปยึดเวทีทันที ด้วยเหตุนี้การลงสถานีหัวลำโพงจึงเป็นความจำเป็น เพราะมิเช่นนั้นมันจะมีความตายกับการลงบางซื่ออาจหลายร้อยศพขึ้นมา ดังนั้นที่ลากไปหัวลำโพงเพื่อลดความตายที่จะเกิดขึ้น เพราะเจ้าของเวทีเขาก็เตรียมการอีกชุดหนึ่งไว้เผด็จศึกชุดเดียวกันอยู่แล้ว

นายจตุพร เปรียบเปรยว่า เจ้าของรถไฟ หมายถึงเจ้าของเวทีชุมนุม ไม่ต้องการให้จอดลงที่บางซื่อ เพราะเขาสั่งเอง ถ้าลงบางซื่อก็ตายกันเป็นเบือ และหลังจากนั้นจะมีคนมายึดเวที แล้วสถานการณ์จะร้อนแรงขึ้น ซึ่งตายเป็นเบือ เพราะเขาบอกเอง เป็นเกมอำมหิต ผมไม่เล่นด้วย แต่ทุกคนทิ้งไปหมดแล้ว ด้วยการเข้าใจสถานการณ์ไม่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ได้รับสั่งจากเจ้าของเวทีหรือไม่

 

ส่วนกรณีกล่าวหาเงินบริจาคช่วงชุมนุมนั้น นายจตุพร ตอบโต้ว่า ทุกคนรู้ว่า ตนไม่ยุ่งกับเงินในการชุมนุมเลย นายอดิศร ฟังนะ พวกตนจัดรายการมาเพื่อไล่ 3 ป. แต่ไม่เกี่ยวกับทักษิณเลย เมื่อทักษิณมาข้องแวะดูถูกความเป็นมนุษย์กันนั้น ถ้าเป็นขี้ข้าถาวรก็อาจทนได้ และตนยอมรับบางเวลาก็เป็นขี้ข้าเหมือนกัน แต่ตนก็ใฝ่ฝันถึงวันอิสรภาพเช่นกัน และการที่ตนยอมให้ถูกกระทำในบางช่วงเวลานั้น ก็ดูเสมือนหนึ่งเป็นขี้ข้าเช่นกัน แต่ไม่ใช่ตนไปสยบยอม เนื่องจากระหว่างทางต่อสู้มีเรื่องราวความตายมากมายไปหมด แต่ที่ยอมกันนั้น เพราะประชาชนตาย มันเลือดท่วมปาก ไม่อยากพูด และประชาชนบาดเจ็บไม่อยากได้ยินเรื่องเหล่านี้เช่นกัน แต่เมื่อนายอดิศร หยิบยกเรื่องนี้มา จึงชี้แจงให้เข้าใจ เพราะช่วงเหตุการณ์นายอดิศรข้ามไปอยู่ฝั่งลาวแล้วไปเขมรอยู่กับแรมโบ้แล้ว ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ผมก็กล้ำกลืนเลือดนะ ส่วนพวกคุณจะแลนด์สไลด์ก็เรื่องของคุณไป แต่การพยายามอธิบายใส่ร้ายว่า ผมรับเงิน ถ้ารับเงินแล้ว เวลา 8 ปีผมจะสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ และสู้จนต้องถูกจับไปขังคุกอยู่เรื่อยอีกด้วย”

ส่งนกรณีกล่าวหาว่า สู้แล้วรวยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ในบรรดาแกนนำนั้น ตนสาหัสที่สุด ย้ายที่ทำการสถานีโทรทัศน์ออกจากอิมพีเรียล ลาดพร้าว เนื่องจากเมื่อตนถูกหลอกลวงไปทำลายแล้ว จึงอยู่ไม่ได้ มาสร้างที่ใหม่ก็ลำบากที่สุด ไม่มีเงินสร้างให้เสร็จเสียด้วยเลย และกำลังล้มความตั้งใจไม่สร้างต่อแล้ว แต่หลานตัวเองที่ประสบความสำเร็จในการงานมาช่วยสร้างให้ฟรีๆ จนสำเร็จเป็นรูปร่างสถานีในปัจจุบันนี้ มันไม่ได้รวยอะไรเลย แต่ก็สร้างเสร็จจนได้ อีกอย่าง สถานีโทรทัศน์ มีรายได้หลักมาจากสินค้าขายตรง จัดรายการวิพากษ์วิจารณ์การ รัฐประหาร และ พล.อ.ประยุทธ์ จนถูกรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สั่งตัดสปอร์ตเซอร์ หายไปหมดประมาณเดือนละ 2 ล้านถึงกับน็อคเลย จึงต้องปิดสถานี มีหนี้สิน และหนี้พนัก ค้างจ่ายค่าชดเชยด้วย เมื่อนายอดิศร บอกว่ารวยมากก็มารับภาระที่นี้หรือไม่ ดังนั้นนายอดิศรต้องไปสืบเองว่า ใครรวย

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น