จากกรณีที่มีประชาชน ขอความช่วยเหลือมาทาง สำนักข่าว TOP NEWS ให้ช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพาเด็กชายกำพร้า วัย 14 ปี ไปรักษาที่โรงพยาบาล หลังเด็กชายคนดังกล่าว มีอาการไออย่างหนักและมีไข้สูง แต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับตัวไปรักษา เนื่องจากไม่มีผู้ปกครองดำเนินเรื่อง หรืออนุญาตให้พาไปหาหมอ คนในชุมชนที่รู้จักกับเด็ก จึงทำได้เพียง หาที่อยู่ ส่งอาหาร และยารักษาอาการเบื้องต้นให้ แต่จนถึงตอนนี้เด็กก็ยังไม่ได้ถูกนำตัวไปตรวจ อีกทั้ง อาการตอนนี้เริ่มไม่ได้กลิ่นและหายใจหอบเหนื่อย คนในชุมชน คาดว่าเด็กชายคนดังกล่าว อาจจะติดเชื้อโควิด
โดยวันนี้ ผู้สื่อข่าว TOP NEWS ได้ลงพื้นที่ไปที่ ชุมชนรังสิต ซิตี้ ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี เพื่อลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และได้พูดคุยกับ น.ส.ปุณิกา ต้องกระโทก ผู้ที่ขอความช่วยเหลือกับทาง TOP NEWS โดย คุณปุณิกา เล่าให้ฟังว่า ด.ช.นรากร คำภูแสน หรือ น้องดรีม อายุ 14 ปี เคยอาศัยอยู่กับพ่อในชุมชนแห่งนี้มานาน กระทั่ง 2 ปีก่อน พ่อของน้องดรีม เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว น้องดรีม จึงอาศัยอยู่กับเพื่อนตามซอกตึก ไม่มีผู้ปกครองดูแล กระทั้ง เมื่อหลายวันก่อน น้องดรีม มีไข้ ไอหนัก และหอบเหนื่อย ตนและคนในชุมชนเป็นห่วง จึงขอให้ อสม.ของชุมชน ช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พาน้องไปรักษา เพราะกลัวว่า จะติดเชื้อโควิด แต่ก็ไม่มีหน่วมงานไหน สามารถรับน้องไปรักษาได้ เพราะต้องได้รับความยินยอมจากคนในครอบครัว ตนจึงพยายามติดต่อไปหาแม่ของน้องที่ ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อแจ้งให้ทราบ และให้ส่งเอกสารยืนยันการเป็นผู้ปกครองมาให้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำน้องไปรักษา แต่แม่ของน้องดรีม ก็ไม่เคยส่งเอกสารมา อ้างแต่ว่างานยุ่ง ไม่มีเวลา ส่วนอาการของน้องดรีม ก็เริ่มแย่ลง จนตอนนี้จมูกไม่ได้กลิ่น ตนและคนในชุมชน จึงทำได้เพียงหาที่อยู่ หาข้าว หาน้ำ และยาบรรเทาอาการมาให้น้องทาน ส่วน อสม. ก็ได้นำชุดตรวจโควิด แบบ Antigen test kit มาให้น้องตรวจ ซึ่งก็ขึ้นเป็น 2 ขีดลาง ๆ ตนจึงอยากให้น้องได้รับการตรวจที่ชัดเจน รวมถึงได้รับการรักษา จึงตัดสินใจติดต่อมาทาง TOP NEWS ให้ช่วยเป็นกระบอกเสียง และช่วยน้องให้ได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะเห็นน้องมาตั้งแต่เด็ก จึงสงสาร ที่ไร้หน่วยงานดูแลจนถึงตอนนี้
ด้าน ด.ช.นรากร คำภูแสน หรือ น้องดรีม ก็ได้พูดคุยกับทีมข่าว ผ่านทางโทรศัพท์ โดยบอกว่า ตอนนี้ ไอหนัก มีไข้สูง และไม่ได้กลิ่น ก่อนหน้านี้ เคยตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง พบว่า ขึ้น 2 ขีดลาง ๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่า ตนจะได้รับเชื้อจริงหรือเปล่า จึงอยากไปตรวจอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจและเพื่อความปลอดภัยของคนในชุมชน ส่วนตอนนี้ แม้จะออกไปไหนไม่ได้ แต่ก็มีชาวบ้าน นำอาหาร ยา และสมุนไพร มาให้ตนเองทานเพื่อบรรเทาอาการ แม้จะยังไม่ดีขึ้นก็ตาม ส่วนหลังจากนี้ หากพบว่า ตัวเองมีเชื้อ ก็พร้อมกลับมารักษาตัวที่เดิม ขอแค่มียาต้านไวรัสมาให้กิน เพื่อฆ่าเชื้อ ไม่ต้องหาเตียงให้ ตนก็พร้อมจะดูแลและรักษาตัวตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งหมอก็ได้