“ส.ว.สมชาย” แฉส่วยบุหรี่ไฟฟ้า นำเข้าครั้งละหลายตู้คอนเทนเนอร์

"ส.ว.สมชาย" แฉส่วยบุหรี่ไฟฟ้า นำเข้าครั้งละหลายตู้คอนเทนเนอร์

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สมชาย แสวงการ” มีเนื้อหาดังนี้#เครื่องมือตบทรัพย์นักท่องเที่ยว #ทำลายการท่องเที่ยวไทย #ควันอะไรเข้าตาตำรวจและศุลกากร ตำรวจ และศุลกากร เป็นอุปสรรคต่อการป้องกัน และปราบปราม บุหรี่ไฟฟ้า จริงๆ หรือเพราะว่า

1) ตำรวจท้องที่ละเลย ปล่อยให้จ่ายส่วยขายส่งบุหรี่ไฟฟ้าที่พบเห็นเกลื่อนเมืองแถว ย่านคลองถม จตุจักร และวางขายปลีกตามสถานที่ท่องเที่ยว

พบเห็นได้ทั่วไป อาทิ ย่านห้วยขวาง พัฒน์พงศ์ ปากซอยนานา ถนนสุขุมวิท ซอยทองหล่อ ถนนข้าวสาร เยาวราช พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ ด้วยโทษจำคุกและปรับที่รุนแรงเพราะพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าได้กลายเป็นช่องทางสบโอกาสให้ตำรวจนอกแถวใช้เป็นช่องทางเรียกรับเงินและรีดตบทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นกรณีดาราสาวไต้หวัน จนเสียหายมากกับชื่อเสียงของประเทศไทย

2) ด่านศุลกากร ปล่อยให้มีการนำเข้าประเทศกันแบบมโหฬารเพราะการข่าวหน่วยปราบปรามด้านคุ้มครองผู้บริโภค ระบุว่า ปล่อยให้นำเข้า มาครั้งละหลายตู้คอนเทนเนอร์ พ่อค้ายอมจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ทุจริตเพื่อนำผ่านด่านศุลกากร ทั้งผ่านท่าเรือกรุงเทพและด่านชายแดน โดยไม่ต้องตรวจสอบจับกุม

ดังนั้น การจับผู้ค้ารายย่อยหรือผู้พกพา หรือการร้องเรียน สคบ. จึงเป็นแค่การแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ และแทบไม่มีทางสำเร็จ

การจัดการที่ถูกต้องคือต้องจัดการที่ต้นทางของปัญหา บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดในการห้ามนำเข้าประเทศทุกช่องทาง รวมถึงการต้องปิดเว็บไซด์และจับผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ และตร.ปคบ. นั้นมีอำนาจตามกฎหมายและมีเครื่องมือ ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคในการร่วมกันสกัดกั้นและจับกุมให้เต็มประสิทธิภาพ จึงจะจัดการได้สำเร็จครับ

สมชาย แสวงการ

สมาชิกวุฒิสภา

ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา

2 ก.พ.2566

@อ้างอิงข่าว

จากกรณีข่าวตำรวจรีดไถเงิน “อันหยู๋ชิง” ดาราสาวไต้หวัน ช่วงที่เธอเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงต้นเดือน ม.ค. 66 ด้วยข้ออ้างว่า เธอพกบุหรี่ไฟฟ้าแต่กลับกลายเป็นการเรียกรับเงินจำนวน 27,000 บาท แต่ไม่ได้ออกใบสั่งปรับข้อหาครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าแต่อย่างใด ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าการถือครองบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายหรือไม่

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดวันที่ 1 ก.พ. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ คุณบี (นามสมมติ) ซึ่งเธอเคยเป็นอดีตเอเย่นต์แม่ค้านำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ของภาคอีสาน เปิดเผยว่า การนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาขายไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องมีทั้งเงินและยิ่งหากเป็นคนมีสีจะยิ่งง่ายมากขึ้นไปอีก จริงๆหรือ

คุณบี เล่าต่อว่า บุหรี่ไฟฟ้าที่เธอนำเข้ามาประเทศไทยตนเองจะสั่งมาจากประเทศจีนทั้งหมด โดยผ่านนายหน้าแต่ต้องเดินทางไปรับของเองที่ด่านของกรมศุลกากร โดยเธอจะสั่งบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งราคาในตลาดขายอยู่ประมาณ 250 บาทขึ้นไป แต่ต้นทุนของบุหรี่ไฟฟ้าอยู่เพียงแค่ 50 บาทเท่านั้น

โดยแต่ละล็อตที่ตนสั่งนำเข้ามา มีจำนวนตั้งแต่หลัก 5,000 ไปจนถึง 10,000 แท่งต่อล็อต ซึ่งทุกครั้งเธอจะเดินทางไปเอาบุหรี่ไฟฟ้าเองที่ด่านศุลกากร โดยตนเองจะให้ผู้ส่งจากจีนคือต้นทางเอาบุหรี่ไฟฟ้าใส่กล่องบรรจุขนส่งมาให้ และให้ตีลังไม้ทับอีกชั้น เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่และยากในการแกะลังไม้ตรวจสอบ โดยก่อนนำเข้าจะแจ้งทางศุลกากรว่า สินค้าในลังไม้คือสินค้า มอก. หรือสินค้าควบคุมพิเศษ และเมื่อถึงด่านเจอเจ้าหน้าที่ศุลกากร ตนถึงได้นำเงินสดจ่ายให้โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ตรวจสอบประจำด่านตรวจในเวรประจำวันนั้น ๆ

ตนเคยจ่ายเฉพาะ “ค่าน้ำชา” หรือ “ค่าส่วย” ให้เจ้าหน้าที่มีตั้งแต่ราคา 30,000 บาท ไปจนถึง 100,000 บาทต่อ 1 รอบ ไม่สามารถโอนเงินหรือส่งข้อความเป็นหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้นจ่ายเงินสดเท่านั้น

จากนั้นเมื่อตนจ่ายค่าน้ำชาให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะไม่ตรวจอะไรเลยและปล่อยให้เธอนำสินค้าในลังไม้ซึ่งเป็นบุหรี่ไฟฟ้าเข้าประเทศไทยได้ทันทีซึ่งง่ายและสะดวกมาก

คุณบี เล่าต่อว่า เหตุผลที่ตนเองเลิกนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ใช่ว่ากำไรไม่ดี จริง ๆ กำไรดีมากแต่ความเสี่ยงสูง เนื่องจากตนเองเป็นแค่ผู้ประกอบการธรรมดา ไม่รู้ว่าวันไหนจะถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรหักหลังเมื่อไหร่ เพราะบางผู้ประกอบการจ่ายส่วยให้แต่พอมีข่าวทำให้เสื่อมเสีย หรืออยู่ในช่วงเจ้าหน้าที่อยากได้ผลงานก็จะหักหลังและจับผู้ประกอบการทันทีเพื่อเอาผลงาน ทำให้ในปัจจุบันผู้ที่นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าได้นั้น ก็จะมีแต่พวกมีสีส่วนใหญ่หรือเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งจะง่ายมากในการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายพวกนี้

ที่ออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าว เนื่องจากรู้สึกเสียใจและสงสารคนไทยที่ถูกตำรวจหรือพวกเจ้าหน้าที่มีสีนำกฎหมายที่พวกตัวเองถืออยู่มารีดไถเงินประชาชน และยิ่งไปกว่านั้นไปรีดไถชาวต่างชาติ ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย ซึ่งหากจะจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้าจริง ๆ ง่ายมาก คือต้องเข้มงวดกับการนำเข้าของผิดกฎหมายพวกนี้และออกกฎหมายให้ชัดเจนไปเลยว่า ผู้ที่ครอบครอง นำเข้าผิดกฎหมาหมด ไม่ใช่เลือกปฏิบัติ คุณบีบอกทิ้งท้าย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ดร.ทันกวินท์" เล่านาที "ไอซ์ รักชนก" โดดเดี่ยว มาศาลฟังไต่สวนถอนประกันสส. ดูไม่มั่นใจเหมือนอยู่สภาฯ
‘สามารถ’ ห่วงแม่อายุมาก มอบทีมทนายยื่นโฉนดมูลค่า 1.2 ล้าน ขอประกันตัว
เยอรมนีจ่อเปลี่ยนสถานีรถไฟใต้ดินเป็นที่หลบระเบิด
จีนเตือนไม่มีใครชนะในสงครามการค้า
อัยการนัดฟังคำสั่งคดี "เชน ธนา-ภรรยา" ถูกกล่าวหาฉ้อโกง 29 พ.ย.นี้
“ลุงป้อม” ปัดตอบปม “สิระ” อ้างคนในป่าต่อสายช่วย “สามารถ”
"ทนายพจน์" ยื่นหนังสือสำนักพุทธฯ จี้คณะสงฆ์แจ้ง "พระปีนเสา" สละสมณเพศ หลังถูกขับพ้นวัดวังกวาง
ตร.นำกำลังทลายแคมป์ "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" นับร้อย ย่านหนองใหญ่-ชลบุรี เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ
‘โฆษก ทบ.’ แจง ‘เจ้ากรมยุทธฯ’ ทำร้ายทหาร เหลือสอบพยาน 2-3 ราย ทำได้แค่ตักเตือน ส่วนคดีอาญา เจ้าทุกข์ต้องดำเนินการ
"อ.ปานเทพ"กางเอกสาร JC2544 อ้างไทย-กัมพูชา เคยรับรอง MOU 44 เป็นสนธิสัญญา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น