นายเอล-มอสตาฟา เบนลามลิห์ ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมระดับสูงของสหประชาชาติ ที่ประจำอยู่ที่เมืองดามากัส เมืองหลวงประเทศซีเรีย ให้สัมภาษณ์ผ่านวิดิโอลิ๊งค์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ เกี่ยวกับความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว ที่ติดปัญหาหลายอย่างว่า โครงสร้างพื้นฐาน และถนนที่เคยใช้เพื่องานด้านมนุษยธรรม ได้รับความเสียหายทั้งจากสงครามและแผ่นดินไหว จนไม่สามารถเข้าถึงได้ รวมไปถึงอากาศก็หนาวเย็น และประเทศก็ขาดแคลนเชื้อเพลิง จากการถูกจำกัดการใช้ด้วย
ขณะนี้ ทางองค์กรกำลังทำงานกันอย่างหนัก เพราะต้องระดมความคิดหาวิธีการอื่น ในการเข้าไปให้ถึงผู้คนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด ทั้งในพื้นที่ที่รัฐบาลยึดครอง และพื้นที่ของกลุ่มกบฏ โดยตอนนี้ ผู้คนจำนวนมากที่บ้านเรือนพังเสียหาย ต้องอยู่กันในที่โล่งหรือในรถยนต์ ท่ามกลางอากาศที่หนาวจัด และไม่มีของใช้ขั้นพื้นฐานอย่างแจ็กเก็ต และที่นอนที่เพียงพอ
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้เล่าเสริมว่า ช่วงก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวนั้น มีประชาชนมากกว่า 4 ล้านคนของซีเรีย ต้องพลัดถิ่นเนื่องจากความขัดแย้งจนเป็นสงครามภายในประเทศกว่า 12 ปี โดยต้องอาศัยอยู่ในค่ายและรับความช่วยเหลือข้ามพรมแดน วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศทวีความรุนแรงขึ้น กระตุ้นให้เกิดการสูญเสียอย่างหนักทั่วทั้งประเทศ เช่นเกิดการขาดแคลนเชื้อเพลิง จนต้องมีการตัดไฟในประเทศอยู่เสมอ จำนวนผู้ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมีมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ การสนับสนุนระหว่างประเทศนั้น ยืดเยื้อและขาดเงินทุน ซึ่งในตอนนี้ หากมีเงินทุนน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ก็คงไม่สามารถจัดการอะไรได้ เพราะจำนวนผู้ต้องการความช่วยเหลือนั้น มีเพิ่มมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ