รมว.คลัง เผยรัฐบาลยังดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง หลังมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ได้รับความสนใจ และถือว่าประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลกำหนดให้การแก้ไขหนี้สินภาคครัวเรือนเป็นวาระแห่งชาติ
7 ก.พ.66 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงผลการจัดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ว่า การจัดมหกรรมในรูปแบบสัญจร รวม 5 ครั้ง ในกรุงเทพฯ ขอนแก่น เชียงใหม่ ชลบุรี และสงขลา ได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยในระยะต่อไปยังเดินหน้าดำเนินการใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1. มาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน โดยธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สนับสนุนให้สถาบันการเงินแก้ไขปัญหาหนี้สิน และปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้จนถึงสิ้นปี 2566
2. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดช่องทางเสริม เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ทางด่วนแก้หนี้, หมอหนี้เพื่อประชาชน และคลินิกแก้หนี้
3. ธปท. จะเผยแพร่เอกสาร (Directional Paper) ในเดือน ก.พ.66 เพื่อสื่อสารแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน
รมว.คลัง ระบุว่า “แม้ว่าการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” จะจบลงแล้ว แต่การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาหนี้สินสามารถติดต่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ที่สาขาของสถาบันการเงินทุกแห่งทั่วประเทศ หรือเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการทางด่วนแก้หนี้ โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน หรือ โครงการคลินิกแก้หนี้ ได้ตลอดเวลา”
นายอาคม กล่าวว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นนั้น ในกระบวนการแก้ไขหนี้ สถาบันการเงินได้มีการพิจารณาภาระของลูกหนี้แล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ไม่มาก แม้จะเป็นการเพิ่มภาระให้ลูกหนี้ แต่การเจรจาในกระบวนการแก้ไขหนี้ ได้มีการพิจารณาถึงประเด็นนี้อยู่แล้ว ทั้งเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของสัญญาใหม่ และการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้เงื่อนไขเดิม ขณะที่การปล่อยกู้ใหม่นั้น ก็จะต้องพิจารณาขีดความสามารถในการชำระหนี้ ใช้หลักการผ่อนชำระให้ยาวที่สุดเท่าที่เงื่อนไขของสถาบันการเงินจะทำได้