เปิดบัญชี "การบินไทย" ก่อนพินาศด้วยระบอบทักษิณ

ขยายผลเพิ่มเติมจากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทยอยแจ้งข้อกล่าวหา บุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัสแบบ A340-500 และแบบ A340-600 จำนวน 10 ลำ ในช่วงปี 2546-2547 จนเป็นเหตุทำให้ บมจ.การบินไทย ได้รับความเสียหายเบ็ดเสร็จแล้วไม่ต่ำกว่า 68,271.53 ล้านบาท ตามผลตรวจสอบของคณะกรรมการที่มี พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ทำหน้าที่เป็นประธาน ตั้งแต่ปี 2563 แต่เพิ่งมีข้อสรุปเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา

ประเด็นหลัก คณะกรรมการตรวจสอบฯ ชุดดังกล่าวเน้นย้ำชัดเจน ก็คือ ผลพวงการจัดซื้อเครื่องบินในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นส่วนสำคัญ ของการประสบภาวะการขาดทุนในระดับวิกฤตของบมจ.การบินไทย

และเพื่อความชัดเจนของสิ่งที่ ระบอบทักษิณ กระทำไว้กับบมจ.การบินไทย สายการบินแห่งชาติ มีข้อมูลชุดสำคัญประกอบการพิจารณาดังนี้
จากการตรวจสอบย้อนหลังกับรายงานประจำปีของบมจ.การบินไทย ในช่วง 15 ปีย้อนหลัง นับเนื่องจากที่มีปัญหาทางการเงินของบมจ.การบินไทย พบว่า บมจ.การบินไทย ไม่เคยตกต่ำในระดับนี้มาก่อน

เริ่มจาก 1.ปี 2533 ซึ่งเป็นช่วง 2 ปีหลังจากการบินไทย ควบรวมกิจการกับ บริษัทเดินอากาศไทย และทำให้การบินไทยในขณะนั้น มีฝูงบินเพิ่มเป็น 41 ลำ ให้บริการ 48 เมืองใน 35 ประเทศ และอีก 23 จุดบินในประเทศไทย พร้อมจัดตั้งครัวการบินที่สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าได้ถึง 20,000 ที่นั่งต่อวัน จนสามารถยกระดับมาตรฐานการบริการให้เทียบเท่าสายการบินชั้นนำของโลกได้

ประเด็นสำคัญ ปี 2533 ยังถือเป็นปีที่การบินไทยมีดำเนินการครบรอบ 30 ปี นับแต่การบินไทยเริ่มบินเที่ยวบินแรกออกจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินใบพัด แบบ DC-6B ซึ่งมีผู้โดยสาร 60 คน ในเส้นทาง กรุงเทพ-ฮ่องกง-ไทเป-โตเกียว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2503 และในปี 2533 บมจ.การบินไทยยังมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิมากถึง 4,194 ล้านบาท แยกเป็นมูลค่ารายได้รวม 48,616 ล้านบาท และ ยอดรายจ่ายรวม 40,340 ล้านบาท

ข่าวที่น่าสนใจ

2. ปี 2534 ซึ่งเป็นช่วงเหตุการณ์รัฐประหาร รสช. ผลกำไรสุทธิของการบินไทย ลดลงมาเหลือ 3,503 ล้านบาท โดยพบว่าแม้การบินไทยจะมีรายได้รวมเพิ่มเป็น 51,943 ล้านบาท แต่รายจ่ายก็เพิ่มขึ้นเป็น 48,208 ล้านบาท เช่นกัน

3. ต่อมาในปี 2535 ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทการบินไทยถูกนำเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ บมจ.การบินไทย มีผลกำไรสุทธิ 3,608 ล้านบาท ก่อนจะลดลงมาเหลือเพียง 1,381 ล้านบาท ในรอบบัญชีปี 2536 จากผลกระทบความไม่สงบทางการเมือง หรือ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จากการชุมนุมทางการเมือง และกว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติ ด้วยการจัดการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ก็ล่วงเข้าสู่เดือนก.ย. 2535 แล้ว

4.ในปี 2537 ผลประกอบการของบมจ.การบินไทย กลับมามีกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้นเป็น 3,117 ล้านบาท และในปลายปีนั้น บมจ.การบินไทย ยังได้รับเครื่องบินแอร์บัส A-330 เข้าประจำการเป็นลำแรก

5. ปี 2538 บมจ.การบินไทยยังคงมีกำไรสุทธิในระดับ 3,236 ล้านบาท และเพิ่มต่อเนื่องเป็น 3,383 ล้านบาท ในปี 2539 ซึ่งเป็นปีที่การบินไทยมีเครื่องบิน โบอิ้ง 777-200 ขนาด 358 ที่นั่ง ลำแรกเข้าประจำการ

แต่จุดสำคัญของการตรวจสอบผลประกอบการ บมจ.การบินไทย มาเกิดขึ้นในปี 2540 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง และมีการตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาทในยุครัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปรากฏว่าในรอบบัญชีปี 2540

ปรากฏว่า บมจ.การบินไทย มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยน มากเป็นประวัติการณ์ถึง 25,203 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปี 2541 ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน บมจ.การบินไทย สามารถนำพาองค์กรให้รอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้และสามารถทำให้บมจ.การบินไทย กลับมามีรายได้เป็นยอดกำไรสุทธิ 3,696 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เหล่านี้เป็นเพียงไทม์ไลน์แต่ละยุคสมัยโดยย่อที่ผ่านไปของบมจ.การบินไทย ซึ่งเชื่อมโยงกับผลประกอบตั้งแต่ปี 2533 จนมาถึงปี 2541 ที่บมจ.การบินไทยสามารถฝ่าฟันวิกฤตครั้งใหญ่มาได้ ด้วยความภาคภูมิใจของพนักงานบมจ.การบินไทยทุกคน

แต่สุดท้ายภายใต้การก่อเกิดของระบอบทักษิณ ในช่วงปี 2542-2549 ที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของประเทศไทย ในการเปิดเสรีการบิน ผลประกอบการของบมจ.การบินไทยได้เกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญ ทำให้บมจ.การบินไทยต้องเดินมาถึงจุดภาวะขาดทุนอีกครั้ง และเป็นการขาดทุนที่ไม่อาจคืนกลับสภาพเดิมได้อีกต่อไป

การบินไทย, ป.ป.ช., ทักษิณ, ระบอบทักษิณ, เครื่องบินแอร์บัส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดบัญชี “การบินไทย” ก่อนพินาศด้วยระบอบทักษิณ

เปิดบัญชี "การบินไทย" ก่อนพินาศด้วยระบอบทักษิณ