สืบเนื่องจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานเกี่ยวข้อง บูรณาการทำงานร่วมกันในการปราบปราม แก้ไข การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาควบคุม โดยเฉพาะการนำแพลตฟอร์มออนไลน์ มาเป็นเครื่องมือต่อรองนำไปสู่การขอบวกเพิ่มค่าบริการ จนสามารถสร้างยอดกำไรเป็นมูลค่ามหาศาล รวมถึงยังตรวจสอบพบว่ามีเส้นทางการเงินเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรม และ การฟอกเงินผิดกฎหมาย
ล่าสุด ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุถึงความคืบหน้าการปัญหาสลากฯเกินราคา ว่า ปัจจุบันแม้มีการปิดแพลตฟอร์มซื้อขายสลากฯออนไลน์ อย่าง กองสลากพลัส ไปแล้ว แต่ในตลาดออนไลน์ยังคงมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ขายสลากฯในรูปแบบเกินราคาควบคุมตามกฎหมาย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า การปิดบางแพลตฟอร์มสลากออนไลน์บางแห่ง ไม่ได้ทำให้สลากฯออนไลน์ขายเกินราคา หมดหายไปจากตลาดการค้าทั้งหมดทันที
โดยเฉพาะช่วงนี้จะเริ่มเห็นสลากฯจากแพลตฟอร์มอื่นๆ เข้ามาทดแทน แต่จากการตรวจสอบถือว่าไม่ได้มีจำนวนมากมาย ขณะที่ราคาในตลาดขายส่งยังคงสูง การขายเกินราคายังคงเกิดขึ้น ดังนั้นสจึงต้องเร่งปราบปรามกันต่อไป โดยยังไม่มีสถานการณ์ชี้ให้เห็นว่า สลากฯไปหายไปจากตลาด สลากฯเหลือทิ้งตามแผง หรือกลไกราคาผิดเพี้ยน โดยประชาชนยังมีพฤติกรรมการซื้อสลากเป็นปกติ
ส่วนกรณีที่ กองสลากพลัส โดนปิดแพลตฟอร์มและเว็บไซด์ชั่วคราว แต่มีแพลตฟอร์มอื่นปรับรูปแบบการขายเพื่อหลบข้อกฎหมาย ไม่ขายสลากเกินราคา แต่บวกค่าจัดส่งสลากฯ บวกค่าบริการการเก็บสลากฯ ส่งผลให้เมื่อรวมกับค่าบริการแล้ว สลากฯ ยังคงเกิน 80 บาท ดร.ธนวรรธน์ ย้ำว่า สิ่งที่ตีความจากคำสั่งของศาล หรีอคำวินิจฉัยจากการฟ้องดำเนินคดีจากพื้นที่นครปฐม เรื่องการขายสลากฯ 80 บาท แม้ว่ารวมค่าบริการใดๆ ถือว่าเป็นการขายเกินราคา ย่อมเป็นมาตรฐานในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน
โดยวิธีที่สำนักงานสลากฯ ดำเนินการ มี 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. การพูดกับหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นการส่งจดหมายทางตรงในบางช่วง 2. การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ผ่านสาธารณชน บอกว่า การดำเนินธุรกิจควรยึดมั่นคุณธรรม และจริยธรรม ควรสอดรับกับกฎหมาย คือขายราคา 80 บาททุกแพลตฟอร์ม
แต่หากแพลตฟอร์มขายสลากฯออนไลน์ ยังมีการขายเกินราคา ทางสำนักงานสลากฯก็พร้อมจะแจ้งความดำเนินคดีกับทุกแพลตฟอร์มทุกงวด และมีการปรับทุกงวด เพียงแต่โดยข้อกฎหมายการปรับมีข้อกำหนดเรื่องวงเงินค่อนข้างน้อย ทำให้ผู้กระทำผิดยังคงจะเดินหน้าขายสลากฯในราคาแพงต่อไป ดังนั้นวิธีการที่จะมีการปรับใช้ก็คือนำข้อกฎหมายหลายๆส่วนมาพิจารณาปรับใช้พร้อมกัน
ช่นการขอให้ทางกระทรวงดีอีเอส และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมพิจารณาว่ามีกระบวนการอื่น ๆ ในการตรวจสอบ อย่างกรณี การขายให้เยาวชน การขายเกินราคาเป็นอย่างไร ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ รวมถึงดีอีเอส จะมีการพิจารณาผลกระทำผิด เพื่อนำไปสู่การปิดเว็บไซต์ โดยทุกหน่วยงานจะยึดตามกรอบของกฎหมายที่ตนเองมี เพราะหากไม่ดำเนินการ ก็จะเป็นการละเลยการทำงานตามมาตรา 157 ความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ