จากกรณีที่ นายคริส โปตระนันท์ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และมูลนิธิเส้นด้าย โพสต์เฟซบุ๊กประกาศลาออกจากพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมเผยพฤติกรรมของกลุ่มโปลิตบูโรกับผู้สื่อข่าวท็อปนิวส์ ว่า ปัญหามีตลอด แต่ตนก็รอและสะท้อนปัญหาให้ฟัง วัฒนธรรมภายในพรรคหากมีอะไรก็ให้พูดกันภายใน พยายามแก้ไขมาโดยตลอด จนถึงวันสุดท้ายก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่วนใหญ่การตัดสินใจจัดอยู่ในกลุ่มโปลิตบูโร แม้พยายามเพิ่มกลไกประชาธิปไตย โดยกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ได้มีการเลือกตั้ง แต่พรรคก้าวไกลไม่มีการเลือกตั้ง แต่เลือกมาจากแกนนำพรรคคนเดิมเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีถูกหรือผิด แต่ละพรรคการเมืองมีการบริหารงานเฉพาะตัว หากพรรคมีเจ้าของคนเดียวก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ารับเงินบริจาคจากประชาชน มีสมาชิกเป็นประชาชนทั่วไป ต้องให้เกียรติกันบ้าง การที่ย้ำว่าเป็นพรรคของประชาชน เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย คุณใช้กลไกประชาธิปไตยในพรรคเหมาะสมหรือยัง
นายคริส กล่าวต่อว่า หลายคนก็บอกให้อดทน ซึ่งตนทนรอมา 5 ปี เรื่องนี้คล้ายกับขอเวลาอีกไม่นานของลุงตู่ หากพูดกับประชาชนว่าเราเป็นประชาธิปไตยแต่ความจริงไม่มี จะพูดได้เต็มปากไหมเวลาที่ไปหาเสียง เขาไม่ได้อยู่กับประชาชนแต่อยากจะผลักดันวาระบางอย่าง ยิ่งระแวงเยอะประชาธิปไตยก็ยิ่งน้อย การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับคนเพียงกลุ่มหนึ่ง นี่คือเรื่องสำคัญที่ทำให้ตนลาออกเพราะกลไกประชาธิปไตยในพรรคมีน้อยเกินไป และกำลังจะเกิดการเลือกตั้ง สุดท้ายตนอาจจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. แต่ไม่เห็นด้วยกับกติกาหลายๆ อย่างของพรรค จะโดนพูดทีหลังว่าถ้าไม่ชอบพรรคก้าวไกลก็อย่าลงเลือกตั้งแต่แรก ตนไม่อยากจะเป็นงูเห่าหรือมีปัญหาหลังการเลือกตั้ง คนระดับผมไม่มีทางซื้อด้วยเงินได้ พรรคก้าวไกลจต้อง Set Zero ส.ส.บัญชีรายชื่อ 15 อันดับแรก ให้ประชาชนหรือสมาชิกพรรคเป็นผู้โหวต ถ้ากลไกไม่ถูกต้องจะสะท้อนว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน ส.ส. 15 คนของพรรคควรจะเป็นของประชาชน หรือของบางคนในพรรคก้าวไกลกันแน่”