เจ้าท่า “ยัน” กู้เรือบรรทุกน้ำมันเกยตื้น เสร็จภายใน 5 วัน

วันที่ 15  ก.พ.  2566  ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเรือภัทรพัณณ์ เป็นเรือบรรทุกน้ำมันปาล์มขนาดใหญ่  2,037 ตันกรอส ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นบริเวณชายหาดปลายแหลมสนอ่อน แหลมสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา อยู่บริเวณใกล้กับเขื่อนกันทราย ปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลาเมื่อวันที่ 18  ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ล่าสุดในวันนี้ ( 15 ก.พ.) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามการกู้เรือลำนี้ พบว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้ว บริเวณชายหาดปลายสนอ่อนที่เรือเข้ามาเกยตื้น คลื่นลมกลับสู่สภาพปกติ มีคลื่นพัดเข้าหาฝั่งเพียงเล็กน้อย ขณะนี้บริเวณโดยรอบของลำเรือได้ถูกขุดทรายความลึก 4 เมตรออกไปแล้ว โดยนำทรายขึ้นมากองเป็นภูเขาไว้บนชายหาดเป็นจำนวนมาก ส่วนบริเวณด้านหัวเรือ เรือแม็คโฮร์ก็เร่งทำการขุดร่องน้ำเพื่อให้เรือดูดทรายสามารถเข้ามาถึงบริเวณหัวเรือ เพื่อดูดทรายใต้ท้องเรือให้ลึกประมาณ 4 เมตรและยาวจากหัวเรือออกไปประมาณ 100 เมตร เพื่อให้ไปเจอกับความลึกตามธรรมชาติที่ 4 เมตร กลางทะเล โดยในวันนี้นายเรวัต โพธิ์เรียง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่บริเวณที่เรือภัทรพัณณ์ เรือบรรทุกน้ำมันปาล์มมาเกยตื้น เพื่อมาดูความคืบหน้าในการทำงานการกู้เรือ รวมทั้งเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคน อีกทั้ง นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่ามีความห่วงใยในเรื่องการกู้เรือและกำชับให้ทาง ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 พร้อมเจ้าหน้าที่ มากำกับดูแล เพื่อให้การกู้เรือเป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้ โดยไม่มีสภาวะสิ่งแวดล้อมในเรื่องของกองทรายที่อยู่บนชายหาดจำนวนมาก เมื่อเรือได้ลากออกจากชายหาดไปแล้ว ให้ดำเนินการปรับสภาพพื้นที่ชายหาดให้กลับมาเหมือนเดิมโดยเร็วที่สุด

นายเรวัต กล่าวถึงความคืบหน้า ของการกู้เรือบรรทุกน้ำมันปาล์มที่มาเกยตื้นว่า ในเรื่องนี้เป็นความห่วงใยของท่านรักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า โดยท่านได้กำชับในเรื่องนี้มาว่า การกู้เรือจะต้องเป็นไปตามแผน ซึ่งแผนเรากำหนดไว้ประมาณวันที่ 20  ก.พ. ก็จะแล้วเสร็จ และจะไม่มีสภาวะสิ่งแวดล้อมในเรื่องของกองทราย เมื่อกู้เรือออกจากชายหาดเสร็จแล้ว จะมีการปรับสภาพพื้นที่ให้เรียบร้อย  ในส่วนของเรือขั้นตอนก็เป็นไปตามแผน เมื่อใช้รถแบคโฮและเรือแบคโฮขุดทรายออกโดยรอบตัวเรือความลึกประมาณ 4 เมตร หลังจากนั้นก็จะใช้เรือดูดทราย ดูดเข้าไปใต้ท้องเรือให้ลึกประมาณ 4 เมตร ให้ออกไปจากหัวเรือประมาณ 100 เมตร ไปสู่ความลึกธรรมชาติที่ประมาณ 4 เมตร หลังจากลากเรือออกไปแล้วก็จะทำการตรวจสอบสภาพตัวเรือทั้งด้านบนและใต้น้ำเพื่อความปลอดภัยของเรือที่จะต้องเดินทางกลับ อีกทั้งเครื่องยนต์เรือยังคงทำงานได้ตามปกติ

โดยทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 ได้เดินทางมาดูการทำงานในการกู้เรืออย่างต่อเนื่องมาตลอดด้วยความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคน พร้อมยืนยันว่าสามารถกู้เรือออกจากชายหาดได้ ประมาณวันที่ 20 ก.พ.นี้ ถ้าหากเป็นไปได้ ก็อยากให้เสร็จในวันที่ 17 ก.พ.นี้ ส่วนในวันที่ 18-19 ก.พ. ซึ่งเป็นวันเสาร์อาทิตย์ก็จะได้ทำการปรับพื้นที่บริเวณชายหาดให้เสร็จเรียบร้อย ชายหาดกลับมาเป็นชายหาดตามธรรมชาติเหมือนเดิม สำหรับแผนการกู้เรือภัทรพัณณ์ ตามแผนงานที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิกาคที่ 4 ได้กำหนดไว้ โดยจะใช้เรือดูดทรายทำการดูดทรายที่บริเวณใต้ท้องเรือให้น้ำลึกที่ประมาณ 4 เมตร ทำร่องน้ำเข้าไปหาตัวเรือที่เกยตื้นชายหาด โดยมีความลึกตลอดร่องน้ำที่ 4 เมตร มีความยาว 100 เมตร และมีความกว้างร่องน้ำ 18 เมตร เพื่อเป็นร่องสำหรับนำเรือออก เมื่อเรือลอยแล้ว จะนำเชือกมาผูกกับหัวเรือภัทรพัณณ์ ให้เรือบาสเครนขนาดใหญ่ 2 ลำ ทำการลากเพื่อหมุนหัวเรือออกสู่ทะเล และเข้าไปในร่องน้ำที่ทำการขุดไว้ด้วยเรือขุดหัวสว่าน เพื่อให้เรือบาสเครนทั้ง 2 ลำ ลากเรือออกสู่น้ำลึก และทิ้งสมอในจุดที่ปลอดภัยต่อไป หลังจากนั้นจะมีนักประดาน้ำลงไปตรวจสอบเช็กสภาพใต้ท้องเรือว่ามีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นบ้างหรือไม่ สำหรับร่องน้ำที่ขุดนำเรือออกก็จะทำการปรับพื้นทรายกลับเข้าสู่สภาพเดิมทันที โดยใช้เวลาตามแผนงานที่กำหนดไว้ภายในวันที่ 20  ก.พ. 2566

จรัส  ชูศรี/จ.สงขลา

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ลุค อิชิคาว่า" นักแสดงลูกครึ่ง ร้องปอท.ถูกใส่ร้ายผ่านโซเชียลฯ สร้างความเสื่อมเสีย วอนชาวเน็ตอย่าเชื่อพวกหิวแสง
แน่นสำนักพม.ขอนแก่น "ผู้พิการ" แห่ต่ออายุ-ทำบัตรใหม่ รอรับเงินหมื่น
สุดเศร้า "สาวใหญ่" ร้องถูก "ผัวตำรวจ" ซ้อมอ่วม ซ้ำพยายามล่วงละเมิดลูกเลี้ยง ยันขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
บริษัทผลิตเพจเจอร์มรณะที่แท้เป็นของอิสราเอล
เลบานอนแบนเพจเจอร์และวอล์กกี้ทอล์กกี้บนเครื่องบิน
“ชนินทร์” จวก “เท่าพิภพ” หยุดเอาดีเข้าตัว ป้ายผู้อื่นเป็นโจรสลัด ชี้ปมร่างสุราก้าวหน้า ถ้าอยากเปลี่ยนแปลง ต้องแสวงหาความร่วมมือ
คุณยายครูเบญเปิดใจทั้งน้ำตา หลังจากที่หลานสาวสอบติดพนักงานราชการแต่ชื่อหาย
"ซีอีโอ TSB" เปิดใจ พัฒนารถเมล์ก้าวสู่ปีที่ 3 พร้อมรับฟัง-นำข้อมูลปรับปรุงทุกจุด ประกาศชัด "รถเมล์คนไทยโตอย่างยั่งยืน"
ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกิจกรรมประชุมสภากาแฟครั้งสุดท้าย ก่อนเกษียณอายุราชการ พร้อมปล่อยพันธุ์กุ้งกุลาดำจำนวน 2 แสนตัว เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมประมง
"พิพัฒน์-สุรศักดิ์" จับมือ สร้างโอกาส นศ.ทำงานปิดเทอม หมื่นอัตรา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น