จากกรณีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เสนอโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ
จนเมื่อเวลา 11.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ถึงแม้ว่าการอภิรปรายครั้งนี้จะลงมติไม่ได้แต่ประชาชนจะลงมติในเวลาอีกไม่ถึง 80 วัน และเราคงห้ามประชาชนไม่ให้ใช้ข้อมูลในการอภิปรายครั้งนี้ในการประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าคูหาเลือกตั้งไม่ได้ และถึงแม้ว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นกลไกลครั้งสุดท้าของรัฐสภาชุดนี้
แต่จะเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่ประชาชนจะได้ฟังกลไกลของรัฐสภาเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมประชาธิปไตยในการพิจารณาก่อนเข้าสู่คูหาเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งปี 62 ไม่มีแบบนี้ ก่อนการยึดอำนาจปี 2557 ก็ไม่มีเช่นนี้ จะมีแต่สัญญาปากป่าว สัญญาเลื่อนลอย สัญญาว่าจะมาปกครองบ้านเมือง สัญญาว่าจะมาปฏิรูป สัญญาว่าจะมาแแก้จน สัญญาว่าขอเวลาอีกไม่นาน แต่นับตั้งแต่ปี 2557 – 2566 เกือนจะหนึ่งทศวรรษ สิ่งที่ผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรมคือทศวรรษที่สูญหาย ทั้งงบประมาณ เวลา และโอกาส
นายพิธา กล่าวต่อว่าสูญหายของงลประมาณ ในเกือบทศวรรษที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้งบประมาณไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท ลองคิดดูว่าตอนนี้ทองคำหนึ่งแท่ง 28,000 บาท เอา 28 ล้านล้านบาทหารด้วย 28,000 บาท เท่ากับ ทองคำ 1 พันล้านแท่ง ในอดีตที่ผ่านมามีคำพูดว่าประเทศไทยเอาทองคำมาปูทั้งประเทศก็ยังได้ ระบบถนนของประเทศไทย 1.8 แสนกิโลเมตร ถ้าเอาทองคำ 1 พันล้านแท่งมาปูถนน 1.8 แสนกิโลเมตร ตนจะบอกว่าคำพูดที่เคยมีในอดีตนั้นไม่เกินจริง แต่ไม่ถูกต้อง ไม่เกินจริงเพราะเป็นไปแล้ว