เลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้อาจเป็นรถไฟเที่ยวสุดท้ายของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีในแดนไกล ที่ตั้งความหวังอยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลานในช่วงบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต ที่เที่ยวนี้นายห้างหน้าเหลี่ยมตั้งความหวังไว้สูง หมายมั่นปั่นมือเป็นอย่างมากว่าพรรคเพื่อไทย(พท.) ฝ่ายตัวเองจะชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ซ้ำรอยสมัยพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่กวาดส.ส.เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรและได้เป็นแแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว แถมรอบนี้ทุ่มหมดหน้าตักถึงขนาดส่งลูกสาวสุดที่รักอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลงมานำทัพเป็นหัวหน้าครอบครัวพท.ลงสู้ศึกเลือกตั้งด้วยตัวเอง แม้ขนาดท้องแก่ก็ต้องลงมาลุยการเมืองมาทำทุกอย่างเพื่อพ่อได้กลับบ้าน
การเลือกตั้งเที่ยวนี้นอกเหนือจากจะเป็นรถไฟเที่ยวสุดท้ายของทักษิณแล้ว มันยังเป็นรถไฟเที่ยวสุดท้ายของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการลุ้นเป็นนายกฯสมัยที่ ๓ เช่นกัน ภายหลังจากเป็นสร.๑ มาแล้ว ๒ สมัย ๘ ปี และเหลือเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯอีกเพียง ๒ ปีเท่านั้นตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีมาก่อนหน้านี้ ย้อนอดีตกลับไปก่อนหน้านี้ช่วงที่บิ๊กตู่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะต่อการเมืองหรือไม่ สถานการณ์ตอนนั้นยังลูกผีลูกคนว่าบิ๊กตู่จะเอายังไง เพราะตอนนั้นฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเอาไงจะไปอย่างไรต่อ ช่วงหนึ่งบิ๊กตู่ก็เลยต้องแทงกั๊กทางการเมืองเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปต่ออย่างไร ต่อเมื่อพปชร.ชัดเจนว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้จะเสนอชื่อ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของตัวเองเป็นนายกฯเพียงคนเดียว บิ๊กตู่เลยตัดสินใจได้ง่ายเลยว่าจะไปต่ออย่างไร
กระนั้นถ้าใครยังจำได้กว่าจะตัดสินใจตกลงปลงใจมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) บิ๊กตู่ก็คิดอยู่ตั้งนาน ว่าจะมาดีหรือไม่ ทั้งๆที่ความจริงพรรคการเมืองนี้ก็คือพรรคที่เซ็ตอัพขึ้นมารอรับบิ๊กตู่อยู่แล้ว โดยคนที่เป็นคนรันพรรคคนแรกก็คือ “แรมโบ้” ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ แต่บังเอิญแรมโบ้เดินไปเหยียบตอเรื่องหวยเลยต้องหลีกทางออกจากพรรคไป บิ๊กตู่เลยสะกิดให้น้องเลิฟอย่าง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มาเป็นหัวหน้าแทน พีระพันธุ์มาเป็นหัวได้ไม่นานก็ชวนคนจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เลือดสีฟ้ามาอยู่ด้วยกันที่รทสช. พอเห็นว่ารทสช.ก็ร่างสร้างตัวแข็งแรงดีแล้วบิ๊กตู่ก็เลยตัดสินใจเข้าพรรคถือธงนำเป็นแคนดิเดตนายกฯของรทสช.
หากนับดูไทม์ไลน์ของบิ๊กตู่ที่ประกาศเปิดตัวตกลงปลงใจมาอยู่กับรทสช.ก็ยังไม่ถึง ๓ เดือน ๒๒ ธ.ค.๒๕๖๕ ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบว่าจะมาอยู่กับรทสช. ๙.ม.ค.สมัครเข้าพรรคเปิดตัวกับรทสช.ครั้งแรกที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์คนล้นหลามนับหมื่น ประกาศ “ประเทศไทยต้องไปต่อ” ถัดจากนั้นมา ๒๙ ม.ค.๒๕๖๖ ลงพื้นที่จ.ชุมพรเปิดประตูภาคใต้ขึ้นเวทีปราศรัยอ้อนขอคะแนนเสียงจากชาวบ้านครั้งแรก ถัดจากนี้ ๒๕ ก.พ.จะไปลุยอีสานบ้านเกิดโคราชตั้งเวทีปราศรัยเป็นครั้งที่ ๒ ในต่างจังหวัด ก่อนหน้านี้ใครจะมองว่าบิ๊กตู่แทงกั๊กบิ๊กตู่โลเล ก็เพราะตอนนั้นทุกอย่างยังไม่ชัดหลายเรื่องยังไม่สว่างพอตอนนี้ทุกอย่างชัดแจ้ง เห็นได้ชัดว่าเที่ยวนี้บิ๊กตู่เอาจริง ลงลุยการเมืองเต็มสูบจัดหนักแบบเต็มคาราเบล เห็นได้ชัดจากประการแรกโดดลงไปนั่งเป็น “ประธานโพลิตบูโร” คุมอำนาจในรทสช.ด้วยตัวเองแบบเบ็ดเสร็จ ด้วยการนั่งเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง ที่มีองค์ประกอบคือ ๑.นายกฯ ๒ พีระพันธุ์ เป็นรองประธานคณะกรรมการ ๓.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ๔.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ๕.ชัชวาลล์ คงอุดม ๖.ชุมพล กาญจนะ ๗. วิทยา แก้วภราดัย ๘.สุชาติ ชมกลิ่น ๙.ธนกร วังบุญคงชนะ ๑๐.เสกสกล อัตถาวงศ์ ๑๑.อนุชา บูรพชัยศรี ๑๒.วิสุทธิ์ ธรรมเพชร ๑๓.พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว ๑๔. เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ ๑๕. พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ประการต่อมาลงพื้นที่ปราศรัยกับชาวบ้านหาเสียงด้วยตัวเอง ๒๙ ม.ค.ชุมพร ๒๕ ก.พ.โคราช จากนี้ก็คงมีพื้นที่อื่นๆอีกที่บิ๊กตู่จะลงไปลุยพบชาวบ้านขอคะแนนด้วยตัวเอง ด้วยลีลานักการเมืองอาชีพจริงๆ ประการต่อมาเห็นลีลาการตอบโต้ฝ่ายค้านในสภาระหว่างศึกอภิปรายทั่วไป ๑๕-๑๖ ก.พ.เที่ยวนี้ ลีลาลูกล่อลูกชน สำนวนโวหาร แต่ละดอกของบิ๊กตู่อาจไม่สวยงามพลิ้วไหวดุจสายน้ำแบบคุณชวน แต่ออกหมัดแต่ละดอกของบิ๊กตู่หนักแน่นเข้าเป้าได้คะแนน คาบปากคาบจมูกชนิดฝ่ายตรงข้ามเลือดไหลทุกดอก ทั้งหลายทั้งมวลคือการปรับการทำงานเข้าสู่โหมด “บิ๊กตู่สู้โว้ย” นับถอยหลังยุบสภา ทำสงครามการเมืองครั้งสุดท้ายของชีวิตแบบทุ่มสุดตัว ส่วนจะได้กลับมาเป็นนายกฯสมัย ๓ หรือไม่ก็สุดแล้วแต่ประชาชนคนไทยเท่านั้นที่จะเป็นผู้กำหนด ว่าจะให้ “ลุงตู่อยู่ต่อ” หรือ “ลุงตู่กลับบ้าน”
////////////
