ส่องผลซูเปอร์โพล “บิ๊กตู่” ฮอตสุด ๆ คะแนนนำหลังจบศึกซักฟอก พุ่งเบียด “อุ๊งอิ๊ง”

ส่องผลซูเปอร์โพล "บิ๊กตู่" ฮอตสุด ๆ คะแนนนำหลังจบศึกซักฟอก พุ่งเบียด "อุ๊งอิ๊ง"

ซูเปอร์โพลชี้ “พล.อ.ประยุทธ์-อุ๊งอิ๊ง” สุดสูสีนั่งนายกฯ เผยลุงตู่ได้ใจคนกรุง ส่วนลูกสาวทักษิณขวัญใจคนตจว. ระบุคะแนนนิยมลุงตู่ดีวันดีคืน หลังแจงศึกซักฟอก ยกพูดปมตู้ห่าวโยงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้มีประเด็น เชื่อดับฝันแลนด์สไลด์ หากกลุ่มไม่เอาทักษิณไม่แตกกันเอง

 

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่องค้านถามลุงตู่ตอบ กรณีศึกษาตัวอย่าง ประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการ วิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,571 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95

 

เมื่อถามถึงการอภิปรายนายกรัฐมนตรี กรณีตู้ห่าว และทุนจีนสีเทา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.2 ระบุชอบวลีเด็ด ของ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่า ซื้อบ้าน แถมสัญชาติ เชื่อมโยงกับ ธุรกิจ ครอบครัวพรรคการเมืองใหญ่ และพวกพ้อง ร้อยละ 55.6 ระบุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโต้ ได้ดี มีประเด็น ทั้งตู้ห่าวได้สัญชาติช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ซื้อบ้านแถมสัญชาติเกี่ยวโยงพรรคการเมืองใหญ่

ร้อยละ 54.8 ระบุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบโต้ด้วยข้อมูลใหม่ ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ตู้ ห่าว ได้สัญชาติไทยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 54.3 ระบุการอภิปรายนายกรัฐมนตรี กลายเป็น บูมเมอ แรง กลับไปยัง พรรคการเมืองใหญ่ฝ่ายค้าน และร้อยละ 45.5 ระบุ ฝ่ายค้านอภิปรายในเรื่องรู้มาก่อนแล้ว ไม่มี อะไรใหม่ ไม่ได้ประโยชน์อะไร

ที่น่าพิจารณา คือ ข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี จัดการปัญหา ทุนจีนสีเทา และพนันออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.7 ต้องการให้นายกรัฐมนตรี ถอนสัญชาติไทยของคนต่างชาติที่ทำผิดร้ายแรง ยึดทรัพย์ และห้ามเข้าประเทศอีก ถ้ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.5 ระบุ นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องจัดการเด็ดขาดกับขบวนการพัวพัน ทุจริต ธุรกิจสีเทา และ พนันออนไลน์

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึง ถ้าเลือกได้ จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่าสูสีกันระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 28.5 กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 25.7 ในขณะที่ตามมาติด ๆ คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 21.2 ทิ้งห่าง นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 14.4 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 3.8 และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เพียงร้อยละ 2.7 ตามลำดับ

 

ที่น่าสนใจคือ เมื่อแบ่งระหว่าง คนกรุงเทพมหานคร กับ คนต่างจังหวัด พบว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใจคน กทม. ร้อยละ 33.0 ต่างจังหวัดร้อยละ 24.3 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ใจคน กทม. ร้อยละ 21.3 ต่างจังหวัดร้อยละ 29.9 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ใจคน กทม. ร้อยละ 9.2 ต่างจังหวัดร้อยละ 23.6 นายพิธา ลิ้ม เจริญรัตน์ ได้คน กทม. ร้อยละ 12.1 ต่างจังหวัด ร้อยละ 14.8 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้คน กทม. ร้อยละ 8.3 ต่างจังหวัดร้อยละ 2.9 ในขณะที่พล.อ.ประวิตร์ วงษ์สุวรรณ ได้คน กทม. เพียงร้อยละ 2.9 ต่างจังหวัดก็ได้เพียง ร้อยละ 2.6 เท่านั้น

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ระบุว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังกลับมาเพิ่มสูงขึ้นจนจี้ติดคะแนนนิยมของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร ที่ไม่แตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติเพราะอยู่ในช่วงของความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 5 อันน่าจะเป็นผลจากการอภิปรายทั่วไป ครั้งนี้ที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า ภาพอนาคตหลังการเลือกตั้งที่เป็นไปได้สูงคือ โอกาสที่จะได้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นได้ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้ไม่แตกแยกออกไป อยู่คนละขั้วและพรรคร่วมรัฐบาลไม่แย่งปลาในบ่อเดียวกันในแต่ละเขตเลือกตั้ง

 

เพราะตัวเลขทางสถิติชี้ให้เห็นได้ว่า ประชาชนตัดสินใจเลือกตั้งกระจัดกระจายไปตามกลุ่มผู้นำทางการเมืองแตกต่างกันและผลรวมตัวเลขสถิติครั้งนี้ออกมา พบว่ากลุ่มของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมกันเป็นกลุ่มที่มากเพียงพอจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งได้ไม่ยาก บนการออกแบบ ยุทธศาสตร์การเมืองช่วงเลือกตั้งที่ดีไม่แย่งปลาในบ่อเดียวกัน ไม่เช่นนั้นอาจจะได้เห็นผลลัพธ์เหมือนการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ครั้งล่าสุดที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แข่งขันกับอีกกลุ่มหนึ่งที่เสียงแตกแพแตก ก็เป็นได้

 

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ระบุต่อด้วยว่า ถ้าวิเคราะห์เจาะลึกสถานการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ จะพบว่ากำลังเกิด กระแสจะ “เอาทักษิณ” หรือ ไม่เอาทักษิณ หากเป็นเช่นนี้จริง ข้อมูลที่ค้นพบครั้งนี้จึงสะท้อนภาพได้ว่า โอกาส แลนด์สไลด์ไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้ากลุ่มไม่เอาทักษิณไม่แตก ไม่แย่งปลาในบ่อเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อจำนวน ผู้สนับสนุนทั้งสองขั้วนี้พอ ๆ กัน โดยขั้วเอาทักษิณมีตัวแบ่งแค่สอง แต่ขั้วไม่เอาทักษิณ ถูกแบ่งคะแนนไปกับหลายพรรค ดังนั้น ถ้าข้อเท็จจริงนี้เกิดขึ้นในทุกเขตเลือกตั้ง โอกาสแลนด์สไลด์ให้กับพรรคเพื่อไทยก็มีความเป็นไปได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พายุฝนพัดถล่มปากพนังเมืองคอนอ่วมอรทัย น้ำท่วมต้นไม้หักโค่นขวางถนน ฝนตกน้ำท่วมและคลื่นลมแรงพัดพัดหอบหอยกาบเกลื่อนชายหาดชาวบ้าน แห่เก็บขายสร้างรายได้ให้ครอบครัว
รวบแล้ว “พี่สาวเมียทนายตั้ม” หลังตกเป็นผู้ต้องหา “ร่วมกันฟอกเงิน” เร่งสอบปม 39 ล้าน
"ดร.ทันกวินท์" เล่านาที "ไอซ์ รักชนก" โดดเดี่ยว มาศาลฟังไต่สวนถอนประกันสส. ดูไม่มั่นใจเหมือนอยู่สภาฯ
‘สามารถ’ ห่วงแม่อายุมาก มอบทีมทนายยื่นโฉนดมูลค่า 1.2 ล้าน ขอประกันตัว
เยอรมนีจ่อเปลี่ยนสถานีรถไฟใต้ดินเป็นที่หลบระเบิด
จีนเตือนไม่มีใครชนะในสงครามการค้า
อัยการนัดฟังคำสั่งคดี "เชน ธนา-ภรรยา" ถูกกล่าวหาฉ้อโกง 29 พ.ย.นี้
“ลุงป้อม” ปัดตอบปม “สิระ” อ้างคนในป่าต่อสายช่วย “สามารถ”
"ทนายพจน์" ยื่นหนังสือสำนักพุทธฯ จี้คณะสงฆ์แจ้ง "พระปีนเสา" สละสมณเพศ หลังถูกขับพ้นวัดวังกวาง
ตร.นำกำลังทลายแคมป์ "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" นับร้อย ย่านหนองใหญ่-ชลบุรี เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น