เดือด “อดีตรองอธิการบดี มธ.” งัดความจริงอีกมุม ฟาดกลับฝ่ายค้าน ซักฟอกรัฐบาลให้ดูแย่เกินจริง

เดือด “อดีตรองอธิการบดี มธ.” งัดความจริงอีกมุม ฟาดกลับฝ่ายค้าน ซักฟอกรัฐบาลให้ดูแย่เกินจริง

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตลอดการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติที่ผ่านมาของฝ่ายค้าน มีเนื้อหาที่สามารถสรุปได้ 2 ข้อ ดังนี้ 1.ประเทศไทยมีสภาพย่ำแย่เลวร้ายที่สุดในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจที่คนกำลังจะอดตาย การจัดการโควิดที่มีคนตายตามถนน การทุจริตคอร์รัปชัน ธุรกิจสีเทา ยาเสพติด การพนัน อาชญากรรม ด้านสังคม มีการยิงกราดทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก เรือหลวงจมทำให้ทหารเรือเสียชีวิต เยาวชนที่เพียงแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างถูกจับขังคุก และอื่นๆ อีกมากมาย 2.ความย่ำแย่เลวร้ายทั้งหมดทุกประการ ล้วนเกิดจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์ชา และรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งตลอด 8 ปี ไม่ได้มีผลงานอะไรเลย

ข่าวที่น่าสนใจ

รศ.หริรักษ์ ระบุต่อว่า วิญญูชนที่มีใจเป็นธรรมฟังแล้วคงตัดสินได้ว่า ความย่ำแย่เลวร้ายของประเทศเราไม่ใช่ไม่มี แต่ฝ่ายค้านพยายามวาดภาพระบายสีให้เลวร้ายเกินจริง และความเลวร้ายที่เป็นอยู่หลายเรื่องก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ไม่มีรัฐบาลไหนสามารถแก้ปัญหาได้ รวมทั้งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่สามารถแก้ได้

พร้อมกันนี้ รศ.หริรักษ์ ได้ยกข้อมูลข้อเท็จจริงเรื่องเศรษฐกิจมาหักล้างการอภิปรายของฝ่ายค้านด้วย โดยระบุว่า จริงอยู่อัตราการเติบโตของ GDP ของไทยใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2565 อยู่ในอันดับท้ายๆในอาเซียนจริงใกล้เคียงกับบรูไน แต่ที่ฝ่ายค้านเลือกที่จะไม่พูดก็คือ สิงคโปร์ก็ไม่ได้ดีกว่าเราสักเท่าใด และเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของ GDP 4.5% สูงกว่าใน 2 ไตรมาสแรกเกือบ 2 เท่า ในขณะที่สิงคโปร์เติบโต 4.4% ใกล้เคียงกับไทย แต่ต้องยกให้ประเทศมาเลเซียที่โตถึง 14.2% ในไตรมาสเดียวกัน อย่างไรก็ดีการดูเฉพาะอัตราการเพิ่มขึ้นของ GDP เพื่อประเมินสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการใช้ข้อมูลที่ไม่เพียงพอ ต้องดูตัวเลขขนาดเศรษฐกิจของประเทศ และตัวเลข GDP ต่อหัวของประเทศนั้นๆด้วย ซึ่งหากไปดูตัวเลขขนาดเศรษฐกิจของไทยก็จะพบว่า ไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากอินโดนีเซีย และหากดูตัวเลข GDP ต่อหัว ก็จะพบว่าไทยอยู่ในอันดับที่ 4 อันดับ 1 คือบรูไน รองลงมาคือสิงคโปร์และมาเลเซียตามลำดับ อีกประการไทยและสิงคโปร์ต้องพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เมื่อเกิดสถานการณ์โควิดจึงถูกผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ แต่จะเห็นว่าประเทศไทยมีสัญญานที่ดีขึ้นมากจากตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 และเมื่อจีนเริ่มอนุญาตให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศได้ เชื่อได้เลยว่าตัวเลข GDP ของทั้งไทยและสิงคโปร์จะพุ่งขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 และตลอดปี 2566 แน่ๆ

ดังนั้นเมื่อเราฟังการอภิปราย เราต้องให้รู้ทันในสิ่งที่ผู้อภิปรายพยายามใส่สีตีไข่ แต่น่าเสียดายที่มีคนเป็นจำนวนมากที่เมื่อฟังแล้วก็เชื่อทันที ซึ่งนักการเมืองเหล่านี้ก็ทราบดี จึงใช้วิธีการเช่นนี้มาโดยตลอด เช่นนี้แล้วเมื่อใดการเมืองบ้านเราจะดีขึ้นกว่านี้สักที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เจ้าคณะอำเภอสั่งนิมนต์  “พระอาจารย์ชิน” พ้นสำนักสงฆ์ใน 7 วัน หลังปลุกเสก “หมูเด้ง” ลูกศิษย์เศร้าพระอาจารย์เป็นพระสายปฏิบัติ
ผบ.ทร.ชื่นชมนักรบ 356 นาย เสียสละช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่เชียงราย
"ผบ.ทร" ตรวจเยี่ยม หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ยกระดับกำลังพล-เครื่องมือ ทุกมิติ ย้ำรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มที่
"เจ้าอาวาสวัดดัง" พิษณุโลก เครียดหนัก เจ้าภาพกฐินเทงาน ซ้ำจ้างลิเกคณะดังมาแสดง กลับไม่จ่ายเงิน
“ชูศักดิ์” เผยเพื่อไทยตั้งวงวาง 3 สถานการณ์เร่งแก้ รธน. ย้ำยังเป็นเรื่องที่อยู่ในเป้าหมาย
"บิ๊กเต่า" เผยกองปราบเร่งสอบปม "ทนายตั้ม" รีดเงินบอสพอล 7.5 ล้าน
Ripley's Believe It or Not! Pattaya เปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ตัวที่ 9 THE LOST PYRAMID การผจญภัย ล่าสมบัติในพีระมิดที่สูญหาย
"ทนายเจ๊อ้อย" เผยเหตุสอบปากคำนานเ ชี้ตร.เก็บทุกประเด็น ลั่นไม่มียอมความ
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
วัดหนองฆ้อ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พุทธาภิเษกพระผงเหนือดวงเศรษฐี หลวงพ่อทองสุข รุ่นที่ระลึกงานทอดกฐิน เปิดให้บูชาเนื่องในวันทอดกฐินสามัคคีประจำปีของวัด รายได้นำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น