ญี่ปุ่นเจอค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้น นับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เมื่อเกือบ 1 ปีที่แล้ว เนื่องจากราคาก๊าซ LNG ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้น และยังคงมีความกังวลถึงความมั่นคงพลังงานในอนาคตที่ยังต้องพึ่งพารัสเซีย
สำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่นรายงานว่า ค่าไฟฟ้าในญี่ปุ่นนั้นแพงขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อเกือบ 1 ปีก่อน โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ชาติยุโรป ต้องการเลิกการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย จึงทำให้ญี่ปุ่นที่ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG เป็นพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าได้รับผลกระทบไปด้วย
โดยดัชนี JKM (Japan Korea Marker) ซึ่งเป็นดัชนีราคาก๊าซ LNG ในเอเชียตะวันออกรวมถึงญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่า ก่อนการบุกยูเครนของรัสเซียเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ราคาก๊าซอยู่ที่ 20 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านบีทียู จากนั้นในเดือนมีนาคม ราคาได้พุ่งไปอยู่ที่ 84.7 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านบีทียู จากนั้นได้ทำราคาสูงอย่างมากอีกครั้งที่ 70 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดีราคาก๊าซได้ลดลงตั้งแต่นั้นมา จนปัจจุบันราคาก็ต่ำกว่าระดับตอนที่รัสเซียเริ่มบุกยูเครนแล้ว แต่การขึ้นราคาเมื่อปีที่แล้ว ก็ทำให้ค่าไฟฟ้าทั่วญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น โดยผู้ให้บริการไฟฟ้ารายใหญ่ทั้ง 10 รายของญี่ปุ่น ได้ขึ้นค่าไฟสูงสุดเท่าที่ทำได้ภายใต้กฎระเบียบของรัฐบาล และมีถึง 7 ราย ที่ได้ยื่นขออนุมัติเพิ่มอัตราค่าไฟให้สูงกว่าเพดานที่กำหนดไว้ ตั้งแต่เดือนเมษายนหรือหลังจากนั้น
ทั้งนี้ญี่ปุ่นนำเข้าก๊าซ LNG ในปริมาณร้อยละ 9 จากรัสเซีย และบริษัทญี่ปุ่น 2 รายยังคงถือหุ้นในโครงการน้ำมันและก๊าซ ซาคาลิน-2 ในรัสเซียตะวันออกไกล แม้ว่านานาชาติจะคว่ำบาตรรัสเซียจากการรุกรานยูเครนก็ตาม แต่ก็มีความกังวลอย่างมากว่า ญี่ปุ่นจะสามารถจัดหา LNG ในปริมาณที่เพียงพอต่อไปได้หรือไม่ เนื่องจากยังไม่แน่นอนว่ารัสเซีย จะตัดสินใจดำเนินการในโครงการดังกล่าว ต่อไปอย่างไร