วันที่ 7 ส.ค. 2564 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan มีเนื้อหาดังนี้
“ม็อบโง่แค่ไหนถึงจะไปบุกพระบรมมหาราชวัง? ในหลวงไม่ได้ทรงมีพระราชอำนาจในการปลดนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่เป็นไปตามกลไกของรัฐสภาและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ทำให้การกล่าวว่าไปทุบประตูบ้านเจ้าของหมา จึงเป็นการประจานความโฉดเขลาเบาปัญญาของตน ที่ปล่อยให้ไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังการปั่นกระแสบิดเบือนในโซเชียลมีเดีย คอยสนตะพายแล้วลากจูงจมูกไม่ต่างจากสัตว์”
“ดังนั้นการไปบุกวังของ #ม็อบ7สิงหา แล้วบีบบังคับให้ในหลวงทรงปลดนายกรัฐมนตรีจึงเป็นเรื่องของคนที่ไม่เข้าใจการเมือง และไม่มีความรู้อะไรเลย เชื่อตามๆกันตามการชี้นำของการปั่นกระแสบิดเบือนเพียงอย่างเดียว เป็นเรื่องของคนที่ถูกมอมเมาด้วยข้อมูลบิดเบือนจนเสียสติ กลายเป็นเผด็จการเสียเอง แถมยังนิยมความรุนแรงที่ป่าเถื่อนอนาธิปไตยเสียด้วย”
“ม็อบจึงไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการสร้างประชาธิปไตย มีแต่แอบอ้างคำว่าประชาธิปไตย แล้วเฉไฉไปสู่การล้มล้างการปกครองอยู่ตลอดเวลา เพราะมีชุดความคิดพื้นฐานเป็นลัทธิสาธารณรัฐปะปนกับลัทธิคอมมิวนิสต์ จมปลักดักดานอยู่กับความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างบ้าคลั่ง การนัดหมายรวมตัวกันไปบุกวังจึงเป็นการยกระดับความรุนแรงไปสู่ภาวะอนาธิปไตย มุ่งหวังให้เกิดการก่อจลาจลและสงครามกลางเมือง”
“แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถทำให้ในหลวงทรงมีพระราชอำนาจในการปลดนายกรัฐมนตรีได้ หากจะให้ในหลวงทรงมีพระราชอำนาจในการปลดนายกรัฐมนตรีได้ ม็อบควรไปรัฐสภาแล้วยื่นให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อเสร็จแล้วจึงไปค่อยไปวังแบบปัญญาชน เพื่อกราบบังคมทูลเชิญให้ในหลวงทรงรับพระราชอำนาจในการปลดนายกรัฐมนตรีในยามที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤตได้ เพราะพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยแบบ Constitutional Monarchy เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ”
“ปัญหาระบอบเผด็จการที่ยาวนานเกือบ 90 ปี มีรากเหง้ามาจากไหน เกิดขึ้นจากการที่อำนาจอธิปไตยไม่ได้ถ่ายโอนมาถึงมือของประชาชน เพราะคณะราษฎรปล้นพระราชอำนาจจากพระมหากษัตริย์ แล้วกุมอำนาจอธิปไตยไว้เสียเอง ไม่ได้สร้างประชาธิปไตย ไม่ได้ทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน จึงทำให้อำนาจอธิปไตยรวมศูนย์อยู่ที่คณะปกครองมาโดยตลอด ปัจจุบันนักธุรกิจการเมืองต่างช่วงชิงกันเป็นคณะปกครอง ต่างหวังเข้ามาแทรกแซงผลประโยชน์ของชาติและประชาชน คอรัปชั่นเชิงนโยบายเอื้อผลประโยชน์ทางธุรกิจ แปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้วถือครองผ่านนอมินี ตลอดจนผูกขาดสัมปทานของชาติไปเป็นสมบัติส่วนตัว ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นรูปธรรมที่แท้จริงของคำว่า “ระบอบเผด็จการ” ซึ่งอำนาจอธิปไตยยังคงเป็นของคนส่วนน้อย และเราก็ไม่เคยมีประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น”
“จำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่? ไม่จำเป็น เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ผิดที่ระบอบต่างหากที่ยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ทันทีที่สามารถสร้างประชาธิปไตยของไทยที่แท้จริงได้สำเร็จ และมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นตามลำดับ พระมหากษัตริย์ไทยจะทรงมีพระราชฐานะ “จอมราชพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” โดยอัตโนมัติ จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์”
“การเคลื่อนไหวของม็อบจะสามารถนำไปสู่การสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงได้อย่างไร? ม็อบควรหยุดโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการบิดเบือนให้ร้ายที่สกปรกและไม่เป็นธรรม แล้วหันมาทำความรู้จักประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะประชาธิปไตยต้องเริ่มต้นที่ตัวเองเสียก่อน ตลอดจนศึกษาหาความรู้ ทำความเข้าใจที่ถูกต้องในระบอบประชาธิปไตยแบบ Constitutional Monarchy หากม็อบไม่ใช่ม็อบกบฏ มีความยึดมั่นในระบอบ Constitutional Monarchy จริง ม็อบควรกราบบังคมทูลเชิญให้ในหลวงทรงสร้างประชาธิปไตยร่วมกับประชาชนอย่างสันติ”
“แต่ไม่ว่าจะแนะนำอะไรไป ก็คงไม่ต่างจากการสีซอให้ม็อบฟัง เพราะม็อบไม่เคยถือหลักการที่ถูกต้องใดๆ หากแต่ถือแนวทางผิดและแนวทางรุนแรง ขับเคลื่อนด้วยความเห็นผิดภายใต้การปั่นกระแสบิดเบือนในโซเชียลมีเดียมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งบัดนี้ม็อบหันมาขับเคลื่อนด้วยนิทานหลอกเด็กเชิงไสยศาสตร์ที่สุดแสนจะปัญญาอ่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกักขฬะและความบ้าคลั่งจนวิปริตเกินเยียวยาไปเสียแล้ว”