“จตุพร” ซัดเพื่อไทยตลบตะแลงในทุกเรื่อง เตือน 2 ปัจจัย พาประเทศวิกฤติ

“จตุพร” ซัดเพื่อไทยตลบตะแลง อัดอย่าเล่นโวหารปมจับมือบิ๊กป้อม เตือนปัจจัยภายใน-ภายนอกทำไทยสู่วิกฤติ แนะให้จับตาสถานการณ์นอกประเทศที่กำลังกำลังรุกไล่บ้านเมือง ปลุกประชาชนร่วมเปลี่ยนกลไกลประเทศที่มีแต่ผลประโยชน์

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 นายจตุพร พรหมพันธ์ ไลฟสดเฟซบุ๊กประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “วัดกันไป” โดยนายจตุพร ตอบคำถามกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ออกมาระบุว่า น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่แคนนิดเดดนายกรัฐมนตรี เพราะตัวจริงคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยสื่อนำคำถามนี้ไปถามน.ส.แพงทองธาร และแกนนำเพื่อไทยโดยคำตอบที่ได้มาเป็นตัวชี้วัดได้หรือไมว่าเพื่อไทยกับพลังประชารัฐอาจไม่ได้จับมือกันว่า เป็นการตอบแบบไม่ตรงคำถาม

 

 

คือการตอบแบบใช้โวหาร เพราะเพื่อไทยเคยเลือกคนอื่นที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคมาเป็นแคนดิเดดนายกฯ โดยการเสนอ พล.อ.ประชา พรหมนอก และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และในครั้งนี้เฉกเช่นดียวกันคือการออกมาพูดว่า ต้องโหวตคนที่เป็นสมาชิกพรรคพื่อไทยเท่านั้น แต่ปัญหาเรื่องนี้คือในทางการเมืองถ้าไม่ได้มีอะไรตกลงกันไว้ พรรคเพื่อไทยต้องตอบให้ชัดว่า ไม่จับมือกัน โดยสิ่งที่ตนและนายชูวิทย์ถามไม่ได้สลับซับซ้อน แค่ตอบว่าจะไม่มีวันที่จะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐก็เท่านั้น

 

อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน, ผู้คนกำลังนั่ง, ผู้คนกำลังยืน และ สถานที่ในร่ม

 

 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นความตะลบตะแลง โดยเฉพาะนิรโทษกรรมสุดซอยที่มติพรรคเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาสามรอบ ครั้งแรกบอกว่าเฉพาะประชาชน ครั้งที่สองที่เข้ามาถึงสุดซอยที่ว่า และครั้งที่สามเสนอถอนกฎหมายออกมา ฉะนั้นความไม่อยู่กับร่องรอยมันชี้ให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ตั้งแต่การแต่งตั้งเป็บผบ.ทบ. ต่อมาสายสัมพันธ์ตั้งในวันยึดอำนาจ และก่อนการยึดอำนาจ รวมกระทั่งหลังยึดอำนาจ ซึ่งในกระดานการเมืองจะปิดปังใครก็ปิดไปแต่ปิดตนไม่มิด เพียงแค่ไม่อยากอธิบายว่าใครจัดการอย่างไร ใครประสานกับใครอย่างไรเท่านั้น

“ความสัมพันธ์คือผลของการดีลหลังยึดอำนาจ แม้ว่าจะไม่สำเร็จ คือ หมายความว่า ยอมกันเป็นตอน ๆ คือการ เจรจาเรื่องการกลับบ้าน หรือเรื่องคดีอื่น เมื่อไม่สำเร็จก็ดีลเรื่องเอาตัวออกไป โดยมีการจัดการให้กันอย่างง่ายได้

ข่าวที่น่าสนใจ

คือทั้งหมดนั้นเป็นที่มา เราพูดเรื่องดีลเรื่องการการกลับบ้านกันมาเยอะ แต่ดีลเรื่องการยึดอำนาจเขายังทำกันได้ นับประสาอะไรจะไม่มีดีลในเรื่องนี้ที่ตอบไม่เต็มปากเต็มคำ เพราะใครก็รู้ว่า พล.อ.ประวิตรมีฤทธิ์เดช ซึ่งการจับมือกับพล.อ.ประยุทธ์คงเป็นไปไม่ได้ แต่การที่ พล.อ.ประวิตรประกาศจับมือรอบวง และท่วงทำนองต่าง ๆ ก็ไม่มีการปฏิเสธกันอย่างเบ็ดเสร็จ แม้ว่าจะเอาบุคคลลักษณะพิเศษอย่าง นายสุรเกียรติ เสถียรไทยมากลบกระแสก็ตาม และอะไรคือแรงบังดาลใจ พล.อ.ประวิตร เพราะที่ผ่านมาเป็นทั้ง ผบ.ทบ. รมว.กลาโหม รองนายกรัฐมนตรีแต่ที่ท้าทายเหลือเพียงตำแหน่งเดียวคือนายกรัฐมนตรีเท่านั้น”นายจตุพร กล่าว

 

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังยืน, กลางแจ้ง และ ฝูงชน

ายจตุพร กล่าวต่อว่า ทุกคนรู้กันดีอว่า สุดท้ายการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เพราะมิฉะนั้นคงไม่ดูดบ้านใหญ่ หรือแม้กระทั่งการดูด ส.ส.บางคนที่ถึลขนาดยอมแลกกับสามคน หรือแม้กระทั่งผู้สมัครบางคนที่มาอยู่ในพรรคคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ถ้าเป็นตัวดี ๆ ก็จะพยายามไปดึงกลับมา นอกจากนี้ยังมีแนวความคิดว่ ผู้สมัครคนไหนที่พรรคจะไม่ส่งลงสมัครก็ให้มาอยู่ที่พรรคคุณหญิงสุดารัตน์ อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้พรรคเเพื่อไทยยังมีสิทธิที่ตอบง่าย ๆว่า จะไม่จับมือ และพรรคเพื่อไทยกับพูดให้เกิดการตีความ ทั้งที่คนพูดก็ไม่ใช่คนตัดสินใจ

“จนถึงวันนี้แม้จะยังไม่ได้คำตอบ แต่ใครก็รู้ถึงฤทธิ์อำนาจ ปปช. องกรอิสระทั้งห้า เห็นฤทธิ์อำนาจส.ว.อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แต่ต้องเข้าใจว่าหากพรรคเพื่อไทยตอบรับจะจับมือกับพลังประชารัฐคะแนนจะหายวับไปกับตา แต่ถ้าประกาศเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็จะเจอสงครามตั้งแต่เริ่มต้น คือการปฏิบัติการอีกหลากหลาย “นายจตุพร กล่าว

ประเด็นต่อมาดูเสมือนตอนนี้มีการปราศรัยใหญ่อยู่หลายจุด แต่ขณะนี้ยังวัดอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ในช่วงโฆษณาชวนเชื่อ แต่ระยะเวลาต่อจากนี้ไปยังมีกลเม็ดอีกหลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องยุบพรรคที่เป็นเรื่องใหญ่ โดยเรื่องแรก กรณีศาลรธน.วินิจฉัยเรื่องคนต่างด้าวในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ หากศาลเขียนเป็นคุณให้คนต่างด้าวรวมได้จะกลายเป็นปัญหาใหม่ เพราะจะทำให้คนต่าวด้าวหลั่งไหลเข้ามา เพื่อมาคำนวณ และนอกจากระทบการเมืองภายในยังกระทบความมั่นคงของชาติด้วย แต่ถ้าศาลบอกทำไม่ได้ก็จะมีผลชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.8 จังหวัด

 

 

 

หลังจากวันที่ 3 จะมีเรื่องอื่นคือ เรื่องการยุบพรรค โดยส่วนตัวมองว่า กกต.ต้องบอกมาให้หมด เพราะประชาชนหรือพรรคต่าง ๆ จะได้รู้และมีเวลาเตรียมตัว เพราะว่าตราบใดถ้ายังมีกติกาเรื่องยุบพรรคเป็นเครื่องมือต้องยอมรับว่า การควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างสุจริตยุติธรรมไม่มีจริง มันมีแค่จับได้ หรือไม่ได้จับ หรือไม่ต้องการจะจับ แต่คิดว่าไม่จับมากกว่า นอกจากนี้กติกาเรื่องการทอดเวลาให้รับรองภายใน 1 เดือน และขณะเดียวกันมีช่วงระยะเวลาในการแจกใบแดงเหลืองส้ม ดำขาวภายใน 1 ปีนั้นมันเกิดช่องให้คนใช้อำนาจไปทำมาหาประโยชน์ หรือที่บอกกันว่าให้เวลาไปหาเงิน ตรงนี้ทำให้เกิดความเสียหายที่คิดกติกานี้ขึ้นมา

“สิ่งเหล่านี้ไม่มีวันหมดไปถ้ากติกรยังอยู่และเชื่อว่าโดนกันทุกพรรค เพราะผิดกันทั้งนั้น และกกต.ต้องรู้ว่ากำลังจะโดนเหมือนกัน โดยเฉพาะกรณีเอาคนต่างด้าวมาคำนวณถ้าศาลบอกว่าทำไม่ได้จะทำให้การเลือกตั้งปี 62 กกต.ต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ หากมีคนเอาผลของคำวินิจฉัยไปขยายต่อ วันนี้ทุกอย่างมันเต็มด้วยกลเกมของอำนาจ ฉะนั้นประชาชนต้องติดตามทุกเรื่องอย่างเท่าทัน แต่สิ่งสำคัญสุดคือทุกคนยังไม่รู้ลือกตั้งจะได้อะไร โดยเฉพาะอีกวงนึงคือกลุ่มทุนกำลังนั่งหัวเราะกันอยู่ เพราะทุนสามารถกำหนดทิศทางทุกอย่างไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐหรือฝ่ายค้าน บ้านเมืองนี้ไม่ได้มีอะไรเหลือ โดยเฉพาะทรัพยากรของแผ่นดินที่ไม่มีวันได้รับการแฉลี่ยอย่าเท่าเทียม หากตราบใดที่รัฐไม่ได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อยังเป็นของกลุ่มทุน””นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวต่อว่า เมื่อเทียบกับคนที่ได้รับอำนาจคนละเรื่องกัน บางคนร่ำรวยจากการเป็นฝ่ายค้าน บางอาชีพนำการอภิปรายไปขายข้อสอบ เล่นเกมดึงเกม เห็นชัดเจนในการเอื้อกัน และขอให้ไปดูการอภิปรายที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร พรรคช่วยดึงเกมตลอดกระทั่งอภิปรายไม่ทัน และจะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร ซึ่งการอภิปรายครั้งสุดท้ายก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า แตะใคร เว้นใคร ไม่แตะใคร ทำให้การเมืองอธิบายเป็นอย่างอืนไม่ได้ นีคือปัจจัยภายใน

นายจุตพร กล่าวต่อว่า สวนปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์โลกที่กำลังจะถึงตัวประเทศไทย และกำลังมีภัย วันนี้โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับผลกระทบกรณียูเครนและรัสเซีย ทั้งนี้สถานการณ์ประเทศไทยที่เราพูดกันมาตั้งแต่สถานกงศุลลเชียงใหม่มันมีมูลค่าแพงกว่าห้างเซ็ลทรัลได้อย่างไรเกือบหมื่นล้าน ซึ่งดูภายนอกต้องใช้งบประมาณขนาดนั้นหรือ ทั้งหมดคือการไปลากจีนเป็นคู่กรณีโดยไม่จำเป็น และสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือการขับเคลื่อนและการเตือนเป็นลำดับว่า สถานการณ์ใกล้เข้ามา โดยเฉพาะสภาพบ้านเมืองตอนนี้ไม่สามารถทราบว่ามีกองกำลังแฝงตัวอยู่ที่ใด เพราะเราเห็นแค่คนบนเรือที่มาจอดในน้ำ แต่บนบกไม่รู้เท่าใดโดยเฉพาะในเมืองสำคัญ เมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยดูได้จากคนเหล่านี้มีร่างกายทะมัดทะแมงกว่านักท่องเทียวทั่วไป สิ่งเหล่านี้ต้องตระหนัก และเชื่อว่าฝ่ายมั่นคงต้องประจักษ์ว่าอะไรเป็นอะไร

สิ่งนี้คือเรื่องน่ากังวล เพราะสถานการณ์ภายนอกเป็นเรื่องที่ยังมองไม่เห็น ยกเว้นคนที่ให้ความสนใจ แต่คนไทยยังไม่อยากฟังเพราะยังไม่ถึงตัว วันนี้ฟังเพียงว่า พล.อ.ประยุทธ์ อุ๊งอิ๊ง พล.อ.ประวิตร นายอนุทิน นายจุรินทร์ คุณหญิงหน่อย นายพิธา พูดอะไรเท่านั้น แต่ทั้งกระดานปัจจัยภายนอกกำลังรุกไล่หนักขึ้นตามลำดับ ดังนั้นในสถานการณ์การเมืองที่เป็นไปอย่างนี้ต้องคิดให้เท่าทัน เพราะฉะนั้นคนที่ทำหน้าที่เรื่องความมั่นคงจะตัดสินใจอย่างไรไม่ทราบกรณีภัยภัยจากภายนอก แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการเดิมพันชาติบ้านเมือง และที่สำคัญคือเรื่องปัจจัยภายนอกที่คนภายในพยายามเอามาผูกเกี่ยวกัน คนนั้นคือคนที่สามานย์ที่สุด

 

“สิ่งเหล่านี้เป็นภัยร้าย แต่คนไทยยังไม่เห็น แต่ส่วนตัวเชื่อว่าอีกไมนานสิ่งเหล่านี้จะปรากฎให้เห็นชัดเป็นลำดับ ฉะนั้นกระดานการเมืองของไทยมันผูกไว้กับปัจจัยภายนอก ถ้าปัจจัยภายนอกเข้าม ากระดานก็เป็นอย่าง ส่วนปัจจัยภายในอย่างที่บอกว่าถ้าวันที่ 3 ก.พ. มีผลอะไรออกมาก็จะนำไปสู่หลากหลายเรื่องราว ดังนั้นวันนี้ประชาชนต้องเตรียมรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกที่เกี่ยวเนื่องกับปัจจัยภายใน และถ้ามันเกิดขึ้น เราทุกคนต้องวางเรื่องต่าง ๆ และมาช่วยกันแก้ปัญหาของชาติในทุกกรณี ขอให้ติดตามทุกอย่างด้วยความใกล้ชิด เราอย่าคิดว่าสิ่งที่เราเห็นไม่มี เพียงแต่ว่ามันยังไม่เกิดเท่านั้น และไม่ใช่ว่ามันจะไม่เกิด”นายจตุพร กล่าว

 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า รายละเอียดต่าง ๆ จะทยอยเปิด แต่ในเบื้องต้นการที่บอกว่าจะไม่ร่วมพลังประชารัฐยังไม่ใช่คำตอบ เพราะคำตอบนี้จะมาใช้เดิมพันไม่ได้ เพราะจุดสำคัญสุดท้ายกคือการวัดใจประชาชนว่า ณ.วันนั้นเราจะเอากันอย่างไร เพราะถ้าวันนั้นเดินมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง แสดงว่านี่คือจุดสำคัญที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมา และจะเป็นจุดเปลี่ยนอย่างมีนัยยะสำคัญ มิฉะนั้นจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แม้ว่า เราจะเปลี่ยนแปลงผู้ปกครอง แต่กลไกลยังเหมือนเดิมก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าทุกกลไกลของผลประโยชน์เปลี่ยนมาให้อีกคนก็เท่านั้น ประเทศก็ไปไหนไม่ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ต้นสังกัด ประกาศปลด "เฟื่อง" นักร้องนำวง versus หลังถูกรวบคดีเอี่ยวเว็บพนันฯ
อำเภอพระนครศรีอยุธยา-บางไทร คว้ารางวัลชนะเลิศนักร้องเสียงทองเพลงลูกทุ่ง ในการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปท.งาน “ยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก”
"พิชัย" เดินหน้าเต็มสูบ ถกหอการค้า-อุตสาหกรรมญี่ปุ่น นักลงทุนยักษ์ใหญ่ ชวนขยายลงทุนไทย ยันพณ.พร้อมอำนวยความสะดวกเต็มที่
เช็กด่วน อย.เร่งเรียกคืน ยาด็อกซีไซคลิน 7 รุ่นการผลิต ผิดมาตรฐาน
"รมว.ยธ." แจงขั้นตอนย้าย “โกทร” มาเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
โครงหลังคาโกดังสูง 10 เมตรถล่ม คนงานร่วง-เหล็กทับร่างซ้ำ เจ็บสาหัสเพียบ
"ไทยสมายล์บัส" ตั้งเป้าปี 68 พัฒนาระบบเทคโนโลยี ดันเป้าผู้โดยสารโตต่อเนื่อง จ่อรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
"หน.กู้ภัย" มือโพสต์แจกรองเท้าฟรี เข้าพบตร. เผยยอมเยียวยาคุณป้าเจ้าของ หากตนผิดจริง
อบจ.ฉะเชิงเทรา เปิดโครงการแข่งขันกีฬาสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา "อปท.ฉะเชิงเทราเกมส์" ครั้งที่ 3
เจ้าอาวาสหนีโรครุมเล้าผูกคอมรณภาพ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น